พญ.สายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กล่าวถึงกรณีข่าวเด็กหญิงชาวจีนวัย 14 ปี เกิดอาการปวดท้อง และมีปัญหาขับถ่ายเป็นเวลาหลายวัน ภายหลังการรักษาพบว่ามีเม็ดในชานมไข่มุกไม่ย่อย ว่า เม็ดไข่มุกทำจากแป้งมันสำปะหลัง ดังนั้นการไม่ย่อยเป็นไปได้หลายสาเหตุ เช่น บางคนไม่มีเอนไซด์ที่จะมาย่อยแป้ง หรือแป้งที่นำมาทำผสมมีส่วนผสมสังเคราะห์อย่างอื่น เพื่อให้เกิดความสนุกในการเคี้ยว หรือ ต้มไข่มุกไม่สุก หรือ ต้มทิ้งไว้ค้างคืน แข็งเป็นไต ทำให้ย่อยยากได้เช่นกัน ดังนั้นการเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน เป็นขั้นตอนแรกที่ช่วยเรื่องการย่อย
อย่างไรก็ตาม เม็ดไข่มุกเมื่อต้มจะผสมกับน้ำตาลเพื่อรสชาติ ดังนั้นใน 1 แก้ว ไข่มุกให้พลังงานประมาณ 30-50 กิโลแคลอรี่ เมื่อรวมกับตัวชานม ที่มีส่วนผสมหลายชนิด อาทิ น้ำตาล นมข้น ครีมเทียม ทำให้ 1 แก้วมีพลังงานสูงถึง 200-300 กิโลแคลอรี่ เพื่อภาวะโภชนาการที่ดี ควรคำนึงว่าในหนึ่งวันกลุ่มวัยทำงาน ใช้พลังงานประมาณ 2,000-2,400 กิโลแคลอรี่ ควรบริโภคให้เหมาะสม และควรออกกำลังกาย เพื่อใช้พลังงานส่วนเกินด้วย แต่จะให้ดีที่สุดควรดื่มน้ำเปล่า ซึ่งสำนักโภชนาการเอง ได้รณรงค์ให้ประชาชนลดหวาน เค็ม มัน เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ห่างจากโรคที่จะเกิดขึ้นจากการบริโภค
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :