สำนักข่าว BBC รายงานว่า ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน อดีตโปรดิวเซอร์ผู้ร่วมก่อตั้งหนึ่งในบริษัทภาพยนตร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในฮอลลีวูดวัย 67 ปี ถูกคณะลูกขุนของศาลมลรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ชาย 7 คน และผู้หญิง 5 คน ตัดสินว่าเขามีความผิดจริงในข้อหาข่มขืน ระดับ 3 ต่อ เจสซิกา มานน์ อดีตนักแสดงสาว เมื่อปี 2556 และข้อหากระทำความผิดทางเพศระดับ 1 ต่อ มีมี ฮาเลย์อี อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ เมื่อปี 2549 อาจส่งผลให้ไวน์สตีนได้รับโทษจำคุกระหว่าง 5-29 ปี
อย่างไรก็ตาม ไวน์สตีนรอดพ้นจากข้อหา 'กระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย' ซึ่งถ้าเขาถูกตัดสินให้มีความผิดในข้อหานี้ อาจถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตได้ และอีกหนึ่งข้อหาที่รอดพ้น คือ ข้อหาข่มขืนระดับ 1 ต่อเจสซิกา มานน์ ซึ่งในช่วงเวลาไม่กี่นาทีหลังการฟังคำตัดสินของศาล ผู้อยู่ร่วมในเหตุการณ์เล่าว่า สีหน้าของไวน์สตีนนิ่งสนิทและไม่แสดงท่าทีใดๆ ระหว่างพูดคุยกับ 'ดอนนา โรทันโน' ทนายความของเขา
หลังจากนั้น ไวน์สตีนถูกนำตัวไปที่โรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการเจ็บหน้าอก และถูกส่งไปคุมตัวที่เรือนจำไรเกอร์ส ไอส์แลนด์ จนกว่าศาลจะเบิกตัวเข้าฟังคำวินิจฉัยคดีในวันที่ 11 มี.ค.ที่จะถึง
รายละเอียดของคำตัดสินเป็นอย่างไรบ้าง ?
ในมลรัฐนิวยอร์ก การถูกตัดสินในข้อหา 'ข่มขืนระดับ 3' หมายความว่าผู้กระทำความผิดนั้นได้มีเพศสัมพันธ์โดยที่บุคคลไม่ยินยอม หรือไม่มีความสามารถที่จะขัดขืนได้ หรือบุคคลนั้นมีอายุต่ำกว่า 17 ปี หรือบุคคลนั้นยังไม่ได้แสดงความยินยอมในการมีเพศสัมพันธ์ โดยในการตัดสินครั้งนี้ คณะลูกขุนมองว่าไวน์สตีนมีพฤติกรรมก่อเหตุแบบนักล่า (Serial Predator) ซึ่งเป็นการลงมือแบบต่อเนื่อง โดยอาศัยอำนาจจากหน้าที่การงานในวงการฮอลลีวูดครอบงำและทำร้ายผู้ถูกละเมิด
อย่างไรก็ตาม ฝั่งทนายของไวน์สตีนต่อสู้ด้วยเหตุผลว่า การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างไวน์สตีนและผู้กล่าวหานั้นเกิดจากความยินยอม อีกทั้งผู้กล่าวหายังใช้ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเปิดโอกาสให้ตัวของพวกเธอมีความก้าวหน้าในอาชีพอีกด้วย พร้อมย้ำอีกหลังจากเหตุการณ์ที่ผู้กล่าวหาอ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ ผู้กล่าวหาจำนวน 2 คนยังรักษาความสัมพันธ์กับไวน์สตีนต่อ และยังมีเพศสัมพันธ์กับเขาต่ออีกด้วย โดยหลังคำตัดสินในครั้งนี้ทนายความของไวน์สตีนประกาศต่อหน้าสื่อมวลชนว่า "เรื่องนี้ยังไม่จบ พวกเราพร้อมจะสู้ต่อ"
ข้อกล่าวหาจากผู้เสียหายมีอะไรบ้าง ?
ฮาเลย์อี ซึ่งเคยทำงานให้กับรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งของไวน์สตีน ให้การว่าเธอถูกไวน์สตีนล่วงละเมิดในขณะที่เขาเป็นโปรดิวเซอร์ของรายการ เหตุล่วงละเมิดครั้งแรกเกิดขึ้นขณะเขาชวนเธอไปที่บ้านพักในย่านโลว์เวอร์แมนฮัตตัน เธอกล่าวว่าไวน์สตีนบังคับเธอเข้าไปในห้องนอนก่อนจะผลักเธอลงบนเตียงและพยายามขืนใจ
หลังจากเหตุการณ์นั้น เธอตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ 'เสื่อมเสีย' กับไวน์สตีน แต่ไม่ถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ จนกระทั่งเธอถูกไวน์สตีนข่มขืนที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางนิวยอร์กซิตีในปี 2556 โดยเธอกล่าวด้วยว่าต่อหน้าผู้อื่นไวน์สตีนจะเป็นคนที่มีเสน่ห์อย่างมาก แต่จะเปิดเผยด้านมืดออกมาอย่างรุนแรงเมื่ออยู่ตามลำพัง
ทำไมมีบางคดีที่เอาผิดไม่ได้ ?
หนึ่งกรณีที่ผู้เสียหายยินยอมที่จะให้การในศาลเป็นเหตุข่มขืนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 90 ซึ่งเป็นเหตุให้ไม่สามารถเอาผิดได้เพราะเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นนานเกินไป โดยแอนนาเบลลา ซีออร์รา นักร้องโซปราโนส์ให้การว่าเธอถูกไวน์สตีนข่มขืนในอพาร์ตเมนต์ของเธอเอง แต่ทางศาลได้ใช้ข้อมูลนี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าไวน์สตีนมีพฤติกรรมข่มขืนต่อเนื่อง ซึ่งหลังฟังคำตัดสินซีออร์ราให้สัมภาษณ์ว่า "ฉันลุกขึ้นพูดเพื่อตัวของฉันเอง โดยมีพลังจากเหยื่อที่ถูกไวน์สตีนล่วงละเมิดมากกว่า 80 คนอยู่เต็มหัวใจ"
ก่อนหน้านี้ ไวน์สตีนถูกกล่าวหาว่าไปล่วงละเมิดทางเพศนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูดอย่าง เกว็นเน็ธ พัลโทรว์ อูมา เทอร์แมน และซัลมา ฮาเย็ก รวมถึงผู้หญิงอีกมากมายรวมแล้วกว่า 80 คน ก่อให้เกิดกระแสเรียกร้องความเป็นธรรม และกลายเป็นแฮชแท็ก #MeToo ในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งกลายเป็นกระแสดังไปทั่วโลกและผลักดันให้ผู้หญิงในทุกสาขาอาชีพที่ทั้งเคยและไม่เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ ลุกขึ้นมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองและสังคม
สื่อหลายสำนักรายงานว่าการตัดสินคดีครั้งนี้เป็นชัยชนะสำคัญของการเคลื่อนไหว #MeToo แต่ยังต้องรอดูต่อไปว่าผู้พิพากษาจะพิจารณาบทลงโทษแก่ไวน์สตีนอย่างไร โดยบีบีซีรายงานว่า เขาอาจถูกลงโทษจำคุกราว 25 ปี ขณะที่ทนายของไวน์สตีนระบุว่า จะยื่นอุทธรณ์ทันทีที่ศาลมีคำตัดสินอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม เดอะการ์เดียนรายงานว่าไวน์สตีนยังต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาข่มขืนและกระทำผิดทางเพศอีกหลายกระทง เพราะมีผู้หญิงคนอื่นๆ ยื่นฟ้องร้องเขาที่ศาลในนครลอสแอนเจลิสด้วย และก่อนหน้านี้ในเดือน ธ.ค.2562 ทนายของเขาได้เจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อจ่ายค่าชดเชย 25 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 750 ล้านบาท) ให้แก่ผู้ฟ้องร้องบางรายไปแล้วด้วย
ไวน์สตีนคือผู้มีอิทธิพลในวงการภาพยนตร์โลก และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ที่ระสบความสำเร็จมากมาย หนึ่งในนั้นคือภาพยนตร์เรื่อง The King's Speech ปี 2553 ที่สามารถคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ไปได้ รวมถึงผลงานออสการ์อีกหลายเรื่องเช่น Pulp Fiction, Good Will Hunting, และ Shakespeare in Love