ไม่พบผลการค้นหา
‘ยงยุทธ’ ซัดหยุดอ้าง รปห. เพราะนักการเมืองโกง พวกเดียวกันอย่าง ป.ป.ช. ยังพบทุจริตอื้อแสนล้าน มองวาทะรวยแล้วกวาด ส.ส. ได้มากสุด เป็นพวกอำนาจนิยม ลั่นหากแฉหัวหน้าพรรคบางพรรคไถเงินเจ้าสัวมีฮือฮาทั้งประเทศ

เวลา 10:00 น. ที่วัดพบพระทรายงาม อ.พบพระ จ.ตาก พรรคเพื่อชาติ นำโดย ยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติ พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ จัดเวทีปราศรัยย่อย นำเสนอนโยบายพรรคต่อประชาชน พร้อมแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส. ตาก ทั้ง 3 เขต ของพรรค รวมถึงส.ส.บัญชีรายชื่อซึ่งเป็นคนในพื้นที่ จ. ตาก มีผู้ร่วมฟังปราศรัยร่วม 300 คน จากทั้ง 5 อำเภอของจังหวัดตาก 

ภายหลังการปราศรัย ยงยุทธ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ระบุว่า ในตอนนี้ สิ่งที่สังคมไทยต้องตามหาคือ ยาต้านรัฐประหาร เพราะทุกครั้งที่เกิดการรัฐประหารจะต้องมีการขอนิรโทษกรรม ฉีกรัฐธรรมนูญครั้งแล้วครั้งเล่า กลายเป็นวงจรอุบาทว์ ดังนั้น ในการหลุดพ้นวงจรดังกล่าว การใช้อำนาจรัฐอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่จะต้องสร้างวัฒนธรรมใหม่ขึ้นมาว่าด้วยกันไม่เพิกเฉยต่ออำนาจรัฐที่ไม่ได้มาจากประชาชน

นอกจากนี้ คนรวยไม่กี่ตระกูลถือครองทรัพย์สินถึง 70% เขาจึงไม่จำเป็นต้องฟังเสียงร้องไห้ของประชาชน เพราะพวกเขาสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ คนไทยที่เหลือเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น จึงขอยืนยันว่า พรรคเพื่อชาติต่อสู้ได้ตรงเป้าหมายที่สุด เมื่อฝั่งหนึ่งใช้ปืนและอภินิหารของอำนาจทางกฎหมาย สังคมไทยจึงต้องยืนหยัดร่วมกันในการใช้สิทธิพลเมืองเพื่อต่อสู้

ต่อคำกล่าวอ้างที่ว่าต้องทำรัฐประหารเพราะมีนักการเมืองทุจริต ยงยุทธ มองว่า เป็นเพียงวาทกรรมที่จะต้องหมดไปได้แล้ว เพราะทุกวันนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นพรรคพวกเดียวกันและถูกแต่งตั้งขึ้นโดยคณะรัฐประหาร ยังเปิดเผยเองว่า พบเรื่องร้องเรียนการทุจริตโดยรัฐบาลปัจจุบันสูงถึง 2-3 แสนล้านบาท โดยย้ำว่า ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องที่จะต้องช่วยเหลือกันทุกฝ่าย เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถทำเพียงคนเดียวได้

เมื่อถามถึงการแสดงวิสัยทัศน์ของ วิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติที่ว่า คนที่รวยที่สุดมีโอกาสชนะ ส.ส. มากที่สุด ส่วนคนจนจะมีโอกาสยากนั้น ยงยุทธ เห็นว่า เป็นคำพูดเชิงอำนาจนิยม ความร่ำรวยนิยม แต่หากต้องการจะเปลี่ยนแปลงสังคม สิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติและการต่อสู้ของประชาชน ดังนั้น แนวคิดที่ว่าเมื่อรวยแล้วสามารถใช้เงินเพื่อซื้อเสียงได้ง่ายนั้นไม่ยั่งยืน เพราะไม่ได้แปลว่าคนรวยเหล่านี้จะสามารถแก้ปัญหาประเทศได้ แต่พรรคเพื่อชาติมีจุดยืนชัดเจนว่า เราต้องการกำจัดความสัมพันธ์แบบเอื้อผลประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างนายทุนกับขุนศึก 

“หัวหน้าพรรคการเมืองบางพรรคไปนั่งรอพบเจ้าสัวถึงสำนักงาน แต่เขาไม่ออกมาพบ เพราะไปไถเขาหลายครั้ง ถ้าตนเป็น ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แล้วเอาภาพมาเผยแพร่รับรองว่า จะฮือฮากันทั้งประเทศ” ยงยุทธ กล่าว