ไม่พบผลการค้นหา
ฮันส์ ซิมเมอร์ (Hans Zimmer) กับหลิวเต๋อหัวดูเป็นชื่อที่ไม่น่ามาอยู่ด้วยกันได้ แต่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผู้เขียนมีโอกาสได้ชมการแสดงสดของทั้งคู่ในเวลาไล่เลี่ยห่างกันเพียงสองวัน เรียกได้ว่าเป็นการเจอกับศิลปินผู้ยิ่งใหญ่จากทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก

ซิมเมอร์คือนักทำเพลงประกอบภาพยนตร์ชาวเยอรมันที่หลายคนรู้จักกันดี โดยเฉพาะจากสกอร์ในหนังของ คริสโตเฟอร์ โนแลน อาทิ The Dark Knight, Inception, Interstellar เอกลักษณ์ในผลงานของซิมเมอร์คือการใช้เครื่องสาย เครื่องเป่า และเสียงสังเคราะห์ในแบบอึกทึกเล่นใหญ่ จนบางคนโจมตีว่าเพลงของซิมเมอร์ดังเกินไปจน ‘กลบ’ ตัวหนังไปเลย

02.jpg

อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่านับถือของซิมเมอร์คือเขาเป็นคนที่มีผลงานหลากหลายแนวมาก ในขณะที่ทำเพลงเคร่งเครียดกดดันให้กับหนังของโนแลน ชายคนนี้ก็คือคอมโพสเซอร์ผู้ทำเพลงสนุกสนานติดหูในหนังอย่าง Gladiator, The Lion King, Sherlock Holmes และ Pirates of the Caribbean

ซิมเมอร์จัดคอนเสิร์ตในเอเชียเพียง 3 ประเทศเท่านั้น นั่นคือ สิงคโปร์ ฮ่องกง และเกาหลีใต้ โชว์ของเขาเป็นสิ่งพิเศษเพราะมักใช้นักดนตรีบนเวทีราว 40 คน ผู้เขียนเลยตัดสินใจจองบัตรที่ฮ่องกงไป ทว่าก็ต้องมาลุ้นกับม็อบเสื้อดำที่ดันดุเดือดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงกลางปี เดชะบุญว่าช่วงที่มีคอนเสิร์ตตรงกับวันธรรมดาที่ชาวม็อบเขาหยุดกัน จนท้ายสุดคอนเสิร์ตก็ดำเนินไปตามปกติ

คอนเสิร์ตแบ่งเป็นสองพาร์ทอย่างชัดเจน ครึ่งแรกจะเป็นเล่นเพลงสนุกๆ จากหนังอย่าง Madagascar, The Lion King และ Pirates of the Caribbean บนเวทีประกอบไปด้วยมือกีต้าร์ เบส กลอง เครื่องเคาะ เครื่องสาย และคณะร้องประสานเสียงที่ด้านหลัง ส่วนซิมเมอร์สลับไปมาระหว่างการเล่นกีต้าร์กับคีย์บอร์ด ต้องบอกว่าวงเล่นได้ไม่มีที่ติราวกับกำลังฟังเพลงจากซีดี แต่ผู้เขียนไม่ได้อินกับโหมดสว่างของซิมเมอร์นัก

ครึ่งหลังซิมเมอร์เปลี่ยนเสื้อจากสีขาวเป็นดำ ส่งสัญญาณว่ากำลังจะบรรเลงเพลงในโหมดดาร์ค เริ่มด้วยเพลงจาก Man of Steel และต่อด้วย The Thin Red Line ถึงตรงนี้ก็สรุปได้ว่าเซ็ทลิสต์วันนี้ไม่ต่างจากคอนเสิร์ต Live in Prague ที่มีให้ดูทางเน็ตฟลิกซ์ กระทั่งสปีชตอนเข้าเพลง Aurora ที่ซิมเมอร์อุทิศให้เหยื่อในเหตุกราดยิงที่เมืองออโรร่าเมื่อปี 2012 ก็ยังเหมือนเดิมเด๊ะ

04.jpg

ช่วงท้ายของโชว์น่าจะเป็นช่วงพีคที่สุดของงานเพราะเป็นการเล่นเพลงจาก The Dark Knight, Interstellar และ Inception ต่อกัน ซึ่งซิมเมอร์และชาวคณะไม่บันยะบันยังความครึกโครมเลยแม้แต่น้อย ถึงกระนั้นผู้เขียนแอบขัดใจอยู่บ้างที่บางจังหวะซิมเมอร์เรียบเรียงเพลงให้สนุกตื่นเต้นขึ้นเพื่อเอาใจคนดูหมู่มาก จนเพลงออกมาไม่มืดหม่นสมใจตามที่หวังไว้ แต่การจบโชว์ด้วยเพลง Time ถือว่าชวนขนลุกอยู่ไม่น้อย จนคนดูพร้อมใจกันยืนปรบมือ

03.jpg

ถัดมาอีกไม่กี่วันผู้เขียนเดินทางไปยังสิงคโปร์เพื่อชมคอนเสิร์ตของหลิวเต๋อหัว หรือที่ชาวไทยพร้อมใจกันเรียกว่า ‘เฮียหลิว’

หลิวเต๋อหัว โด่งดังในไทยช่วงยุค 90 ที่หนังฮ่องกงอยู่ในช่วงขาชึ้น บทบาทของเขาใน A Moment of Romance (1990) หรือ ‘ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ’ ทำเอาวัยรุ่นชายยุคนั้นแต่งตัว ทำผม และขี่มอเตอร์ไซค์เลียนแบบพี่หลิว ส่วนคนรุ่นหลังน่าจะรู้จักเขาจาก Infernal Affairs (2002) และ A Simple Life (2011)

06.jpg

แต่นอกจากการเป็นนักแสดงแล้ว หลิวเต๋อหัวยังโด่งดังในฐานะนักร้อง เขามีผลงานเพลงตั้งแต่ช่วงยุค 80 มีอัลบั้มมาหลายสิบชุดทั้งภาษาจีนกวางตุ้งและจีนกลาง และที่สำคัญคือการได้รับฉายาว่าเป็นหนึ่งในสี่จตุรเทพของวงการบันเทิงฮ่องกง (อีกสามคนคือ จางเสวียโหย่ว กัวฟู่เฉิง และหลี่หมิง)

เมื่อช่วงปลายปี 2018 หลิวเต๋อหัวเปิดทัวร์สุดอลังการ 20 รอบที่ฮ่องกงในชื่อว่า My Love World Tour ทว่าช่วงกลางทัวร์เฮียหลิวเกิดป่วยขึ้นมา จนต้องยกเลิกโชว์ที่เหลือและเลื่อนไปจัดปี 2020 นู่น (เนื่องจากฮอลล์คิวยาว) ปี 2019 พี่หลิวก็เลยทัวร์ตามประเทศอื่นๆ ในเอเชียอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์แทน

ก่อนดูคอนเสิร์ตผู้เขียนแอบหวั่นใจอยู่ไม่น้อย เนื่องจากทัวร์ที่สิงคโปร์เล่นแบบสี่วันรวด และรอบที่ดูก็ดันเป็นรอบสุดท้าย แล้วเฮียแกจะหมดแรงหรือเปล่านะ ...ตัดภาพมาวันจริง หลิวเต๋อหัวในวัย 58 ปี ทั้งร้องทั้งเต้นเป็นเวลาสองชั่วโมงครึ่ง ร้องสดทุกเพลง! แถมร้องได้เทพในระดับที่ว่าถ้าไม่ได้ยินเสียงหายใจก็นึกว่ากำลังลิปซิงค์อยู่ ถ้าเดินเข้าไปกราบแกได้ก็คงทำไปแล้ว

07.jpg

ตัวโชว์เน้นความเวอร์วังตามสไตล์ Cantopop (เพลงป๊อปฮ่องกง) เวทีเป็นแบบ 360 องศาที่เฮียหลิวก็เอาอยู่ แถมแกยังพูดคุยกับคนดูอย่างเป็นกันเองอยู่หลายช่วง (แน่นอนครับจีนล้วน ผู้เขียนฟังไม่ออก) เวทีมีลูกเล่นหลักๆ เป็นไฮดรอลิกยกขึ้นยกลง บางช่วงก็ยกสูงมากจนเสียวว่าพี่แกจะตกลงมา

นอกจากนั้นการแสดงยังดูมีธีมที่ชัดเจน ช่วงแรกจะเน้นความขลังแบบจิตวิญญาณ ส่วนที่สองจะมีแบนด์มาเล่นสดตรงกลาง ส่วนช่วงสุดท้ายเป็นเพลงแดนซ์รีมิกซ์แบบน็อนสต็อป ใครจะไปคิดว่าเราจะได้ฟังเพลงจากหนังเรื่อง Infernal Affairs ในแบบแดนซ์ แถมยังออกมาดีด้วย

แต่แน่นอนว่าจุดไคลแม็กซ์งานคือตอนที่หลิวเต๋อหัวร้องเพลงจากหนัง ‘ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ’ ที่คนดูร้องตามกันกระหึ่ม ส่วนตัวผู้เขียนเองแม้จะไม่กระดิกภาษาจีนแม้แต่นิดเดียว แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้เข้าใจว่า ‘ตำนานที่ยังมีลมหายใจ’ มันเป็นเช่นนี้เอง 

08.jpg