วันที่ 15 ก.พ. การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้มีกระทู้ถามหลายประเด็นด้วยกัน โดยหนึ่งในกระทู้วันนี้มีการซักถามจาก สส.พรรคก้าวไกล โดย ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ที่ตั้งกระทู้ถาม เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่ง ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นผู้ตอบกระทู้แทนนายกรัฐมนตรี

โดย ภคมน กล่าวว่า ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าเรื่องของเสรีภาพสื่อมวลชนนั้นก็คือเสรีภาพของประชาชนด้วยเช่นกัน โดยจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่การรัฐประหาร 2557 เป็นต้นมา มีการละเมิดเสรีภาพสื่อมวลชนหลายรูปแบบ ทั้งการใช้กำลัง รวมถึงการควบคุมการเผยแพร่ มีการฟ้องร้องสื่อจากผู้มีอำนาจของรัฐที่สื่อมวลชนพยายามสืบหาความจริง เป็นต้น 

และเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้มีการจับกุมสื่อมวลชนสังกัดประชาไทย จากกรณีมีนักกิจกรรมพ่นสีที่กำแพงโบราณสถาน ซึ่งมีการเชื่อมโยงว่าสื่อมวลชนที่ถ่ายภาพกิจกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่สนับสนุนต่อผู้ทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยประเด็นคือทั้งรัฐบาลรวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายควรให้ความเคารพและต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนในการทำหน้าที่ ซึ่งการดำเนินคดีนั้นต้องไม่สร้างข้อจำกัดในการนำเสนอข่าวต่อสาธารณะและไม่ควรมีใครถูกฟ้องร้องปิดปาก จึงอยากถามว่ารัฐบาลว่าได้ปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร

ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ได้ตอบประเด็นดังกล่าว โดยยืนยันว่ารัฐบาลเห็นความสำคัญของสิทธิเสรีภาพ ทั้งของประชาชนและสื่อมวลชนด้วย แต่ส่วนตัวก็ขอเรียกร้องไปยังผู้ตั้งกระทู้ถามด้วยว่าหากมีการยกประเด็นใดขึ้นมาถามนั้นควรจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลปัจจุบันจะดีกว่าเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและโยงว่าเหตุการณ์ในอดีตเป็นการกระทำของรัฐบาลปัจจุบัน

ส่วนสิ่งที่ได้มีการตั้งกระทู้ถามนั้น สิ่งที่สำคัญคือการใช้สิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจไว้ หากมีสิ่งใดที่เป็นการละเมิดกฎหมายก็ต้องมีกระบวนการยุติธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ส่วนตัวจะไม่พาดพิงประเด็นใดทั้งสิ้นเพราะขณะนี้กระบวนการยุติธรรมกำลังดำเนินการอยู่ในแต่ละส่วน 

ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์จับกลุ่มสื่อมวลชนตามที่เป็นข่าวต้องมองย้อนไปถึงต้นเรื่องก่อนว่าทางเจ้าหน้าที่ได้มีการจับกุมผู้กระทำผิดไปแล้วกี่คนและเป็นใครบ้าง และเมื่อมีการจับกุมก็จะมีการสอบสวนต่อและขยายผล รวมถึงการขอขั้นตอนการดำเนินการจากทางศาลด้วยเช่นกัน 

ทั้งนี้การที่รัฐบาลทำหน้าที่ขณะนี้ คือการจัดการแก้ไขปัญหาที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตในทุกๆด้าน หลายเรื่องก็อาจยังไม่สามารถดำเนินการได้ในปัจจุบัน รวมถึงกระบวนการยุติธรรมด้วย ที่ได้มีการลงไปตรวจสอบและพิจารณาในแต่ละขั้นตอน เมื่อกระบวนการยุติธรรมกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้รัฐบาลก็ไม่สามารถที่จะไปแทรกแซงได้ และทุกฝ่ายเองก็ไม่ควรเร่งสรุปว่ากรณีใดที่รัฐบาลกำลังปิดปากประชาชนอยู่ หากมีความชัดเจนว่าไม่ผิดและผู้ถูกกล่าวหาไม่มีหลักฐานอะไรก็เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะไม่ปล่อยให้เสรีภาพของประชาชนนั้นสั่นคลอน