หลายคนประสบปัญหาในการทำงาน ไร้แรงบันดาลใจ ไม่มีความสุข นั่งหน้าจอไปวันๆ ไม่เต็มที่กับการทำงาน แต่สำหรับ โจม - ปวิน ชิณวงษ์ เขาทำงานถึง 3 อาชีพ ใน 7 วัน โดยมีความสุขทุกครั้งที่ลืมตาตื่นนอน ออกเดินทางไปทำงานในบทบาทที่แตกต่างกัน ทั้ง คุณครู, สัตวแพทย์ รวมไปถึง นักแสดง
โจม ปวิน ใช้เวลาทุกวันจันทร์ - ศุกร์ สำหรับการเป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาคณิตศาสตร์ อิงลิชโปรแกรม ระดับชั้น ม.4 และ ม.6 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ส่วนช่วงเย็นหลังจากสอนนักเรียนเสร็จเขาก็จะเป็นติวเตอร์วิชาคณิตศาสตร์ให้น้องๆ ที่อยู่ระดับชั้น ม.6 เพื่อที่จะเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย
โจมเล่าจุดเริ่มต้นของการมาเป็นอาจารย์ให้ฟังว่า หลังจากที่สอบติดคณะสัตวแพทยศาสตร์ ในช่วงของการเป็นนักศึกษาปีที่ 1 บังเอิญว่ามีรุ่นน้องหลายคนทราบว่าเขาได้คะแนนในวิชาคณิตศาสตร์ค่อนข้างดี จึงอยากให้มาติวให้ หลังจากนั้นเริ่มมีการบอกต่อกัน และมีการติดต่อให้ไปสอนจริงจังมากขึ้น
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ นับเป็นเวลา 9 ปีแล้ว ในที่สุดก็มีโอกาสได้รับการติดต่อจากโรงเรียน ให้มาเป็นอาจารย์พิเศษที่โรงเรียมเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ
อาจารย์หนุ่มเล่าว่า บทบาทครู ถือเป็นอาชีพที่รู้สึกอินมากที่สุด เพราะมากกว่าการสอนคณิตศาสตร์ คือการถ่ายทอด แบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวให้กับน้องๆ นักเรียนที่มีปัญหาส่วนตัว โดยเฉพาะเรื่องอนาคตการเรียนต่อ เนื่องจากตัวเองเป็นคนหนึ่งที่เคยประสบปัญหานี้มาก่อน โดยสมัยเป็นเด็ก ค่อนข้างเรียนดี พ่อแม่จึงฝากความหวังว่าอยากจะให้ประกอบอาชีพดีๆ อย่างไรก็ตามเป็นสิ่งที่สวนทางกับความฝันของตัวเอง และมีผลให้เกิดความเครียด จากประสบการณ์ตรงนี้จึงอยากจะถ่ายทอดให้กับเด็กหลายๆ คนที่ไม่มีคนคอยรับฟัง หรือให้คำปรึกษา
“เราอยากเป็นอาจารย์ เป็นรุ่นพี่ที่เปิดกว้างและพร้อมรับฟังความเห็นและคำถามจากเด็กๆ ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องกลัวกับการยกมือเอ่ยปากถาม ไม่ต้องกลัวว่าคำถามจะดูไม่ฉลาด อยากช่วยให้เด็กๆ สบายใจ และกล้าถาม"
โจม ปวิน จบการศึกษาจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปัจจุบันเปิดคลินิกรักษาสัตว์กับพี่ชาย ชื่อคลินิกหมาแมวร้องเพลง ย่านพระราม 2 เขาใช้ช่วงเวลาทุกวัน ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ในเป็นสัตวแพทย์
โจม เล่าว่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ ดูเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่ตรงกับความต้องการของตัวเอง และพ่อแม่ ที่อยากจะให้ลูกได้เดินทางในสายนี้ บวกกับส่วนตัวรักและชื่นชอบสัตว์อยู่แล้ว จึงทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยากนัก แม้ตอนแรกมีความคิดที่อยากเรียนด้านสถาปัตยกรรม
"ตอนที่เราอยู่กับน้องหมา น้องแมว เขาจะยิ้มแย้มให้เรา น่ารักใส่เราตลอดเวลา ก็รู้สึกว่ามีความสุขดีก็ได้เห็น เวลาเขาป่วยบางทีเขาก็ยังส่ายหาง ยังยิ้ม ยังอ้อนเราอยู่มันก็ให้ความน่ารักดีครับ"
สัตวแพทย์และอาจารย์ 2 อาชีพที่มาจากความถนัดส่วนตัว แต่อีกหนึ่งอาชีพที่โจมไม่เคยคิดและคาดฝันมาก่อน ก็คือการเป็น 'นักแสดง' ที่จะได้สวมบทบาทอีกหลายอาชีพมากมายบนโลกนี้ ทั้งพ่อค้าขายขนมจีน คุณหมอ แม้กระทั่งมาเฟียในแก๊งค้ายาเสพติด
เขาเล่าให้ฟังว่า สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นเด็กวัยรุ่นที่เดินเล่นตามสยาม ทำให้มีคนเห็นแววและชักชวนให้ไปแคสติ้งโฆษณาเรื่อยๆ กระทั่งมีโอกาสได้ไปแคสติ้งละครที่ค่าย เป่าจินจง ของผู้จัด ตู่ - นพพล โกมารชุน หลังจากนั้นจึงมีโอาสได้ชิมงานละครเป็นครั้งแรก
โจมเผยว่า ครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อนทำให้ค่อนข้างกังวลกับการสวมบทบาทเป็นคนอื่น ต้องพยายามบอกตัวเองอยู่เสมอว่าตอนนี้ฉันเป็นใคร
"ทุกอย่างเหมือนโจทย์คณิตศาสตร์ มันต้องเกิดจากการเรียนรู้ ต้องฝึกทำโจทย์บ่อยๆ แล้วมันก็จะคล่อง ผมคิดว่าคงจะใช้ได้กับทุกๆ งาน ทุกๆ เรื่อง หากเราทำตรงนั้นบ่อยๆ ก็คงจะทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ"
โจม เผยว่า ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เป็นนักแสดง การทำหน้าที่ตรงนี้ ทำให้ตระหนักได้ว่าเราควรพัฒนาตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อพร้อมกับทุกโอกาสเข้ามา
“พยายามฝึกฝนตัวเองให้พร้อมสำหรับทุกโอกาสที่จะเข้ามาสู่ชีวิต บางสิ่งที่เราไม่เคยคาดคิดพุ่งมาโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นการเตรียมตัวที่ดี และมีความพร้อมอยู่เสมอ เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เราไม่พลาดโอกาสนั้น”
สำหรับเคล็ดลับการดูแลสุขภาพของโจม กับหน้าที่การงานที่ต้องใช้ทั้งรูปร่าง หน้าตา และการเตรียมความพร้อมในเรื่องของการสอน รวมไปถึงการรักษาสัตว์ เขาเผยว่า แม้ว่าต่อให้เหนื่อยจากงานต่างๆ แค่ไหน ก็ต้องหาเวลาออกกำลังกาย ทำให้เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
หนุ่มมากความสามารถ บอกว่า การทำทั้งสามอาชีพในตัวคนเดียว ตลอดทั้ง 7 วัน แม้ทำให้ชีวิตแตกต่างจากคนอื่นไปบ้าง ทั้งในแง่ของเวลาที่ค่อนข้างจำกัดในแต่ละกิจกรรม โอกาสพบปะเพื่อนฝูงที่ลดน้อยลง อย่างไรก็ตามได้พยายามทำให้ดีที่สุดในแต่ละบทบาท รวมถึงวางแผนตารางชีวิตให้สมดุล เพื่อคุณภาพและประสบการณ์ชีวิตที่ดี
"ทุกๆ วันที่ตื่นมาทำงาน เรามีความสุขกับงานตรงนี้ มันเลยเป็นพลังผลักให้เราทำในทุกๆ วันต่อมาเรื่อยๆ ครับ"
โจม บอกว่า ในแต่ละบทบาท สิ่งสำคัญคือการพยายามมองหาจุดเล็กๆ ที่ทำให้เรามีความสุข ถึงแม้จะเหนื่อย
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะรู้สึกว่า ตัวเองโชคไม่ดี ไม่มีโอกาสได้เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ แต่พอมาตอนนี้คงต้องบอกว่า ค่อนข้างโชคดี ที่ได้ทำงานหลายๆ บทบาท และมีความสุขกับทุกๆ บทบาท"
ชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ทิ้งท้ายว่า ความหลากหลายทำให้ได้เรียนรู้ว่า ทุกอาชีพในสังคมล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ เป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนสังคม ไม่ว่าคุณจะเป็นหมอ วิศวกร ตำรวจ พนักงานราชการ สาวแบงค์ คนขายก๋วยเตี๋ยว หรือยาม เราควรเคารพทุกคนในสังคม และทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด