นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 โดยระบุว่า
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มติ ครม.ที่เห็นชอบหลักการ หลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลฯ เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2567ที่ผ่านมา ทำนองว่า แจกสัญชาติให้ต่างด้าว จีนเทา แรงงานอพยพ ฯลฯ ขยายความโจมตีรัฐบาลทั้งที่เป็นคนละเรื่อง ไม่เกี่ยวข้องกัน
มตินี้คือ การเร่งรัดให้สัญชาติกับชนกลุ่มน้อยชายขอบ กลุ่มชาติพันธุ์ ที่อพยพเข้ามาอยู่ในไทยเป็นเวลานาน และกลุ่มลูกที่เกิดในราชอาณาจักร จำนวน 483,626 คน ซึ่งจัดทำทะเบียนประวัติไว้ในอดีตจนถึงปี 2542 และสำรวจเพิ่มเติมระหว่างปี 2548 - 2554 ซึ่งรัฐมีนโยบายให้มีถิ่นที่อยู่ถาวร หรือให้สัญชาติไปเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว แต่การดำเนินการยังไม่เสร็จ
ไม่รวมและไม่มีเปิดช่องให้กลุ่มอพยพหนีภัย แรงงาน หรือต่างด้าวสีเทาแต่อย่างใด
เรื่องนี้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) แสดงความชื่นชมรัฐบาล ยกเรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของโลก
ก่อนการเลือกตั้ง ผมร่วมคณะกับนายกฯแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย มีการพบปะกับพี่น้องชาติพันธุ์ หนึ่งในเรื่องสำคัญที่พี่น้องร้องขอคือการเร่งรัดเรื่องสัญชาติ เพราะความหวังค้างท่อรอโอกาสมานานหลายสิบปี
จนรัฐบาลนี้ออกมติครม.ให้
จากเดิมเป็นชาวเขา วันนี้จะเป็นชาวเรา
เฉพาะกลุ่มเป้าหมายเดิม 483,626 คนไม่เกี่ยวกับกลุ่มอื่น
ประเทศไทยเป็นแผ่นดินที่อบอุ่นของคนหลายชนชาติ ที่อยู่ร่วมกันภายใต้กฎหมาย และได้สัญชาติไทยในกระบวนการที่ถูกต้อง เป็นเรื่องน่าชื่นชมครับ