ไม่พบผลการค้นหา
พรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติด่วนตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ติดตามตรวจสอบรายละเอียดเงินกู้ หวั่นถูกใช้จ่ายโดยไม่เกิดผลประโยชน์

นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน พรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติด่วนตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบพิจารณาเงินกู้ โดยทางพรรคเพื่อไทยเห็นว่าจำเป็นต้องเห็นชอบ พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับ เนื่องจากเหตุผลในการเยียวยา แต่ พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับไม่มีรายละเอียดในการใช้เงินอย่างชัดเจน โดยเฉพาะส่วนงบประมาณ 4 แสนล้านบาท ที่มีแต่แผนกว้างๆ แต่ไม่มีรายละเอียดใน พ.ร.ก. ซึ่งน่าเป็นห่วงเรื่องการใช้เม็ดเงินนี้มาก ช่วงเดือน มิ.ย. คือการอนุมัติ ส่่วนการใช้เงิน ในเดือน ก.ค. และแล้วเสร็จในปี 2564 ตนหวังว่าสภาฯ จะบรรจุเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วน และหวังว่า ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลจะเห็นชอบร่วมกัน 

นอกจากนี้ยังมีช่องทางอื่น คือ การเสนอร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก. กู้เงิน เพื่อให้เปิดช่องสำหรับการแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์ เสนอแก้คุณสมบัติของกรรมการกลั่นกรองโครงการ และแก้ไขการใช้งบประมาณในโครงการให้มีการตรวจสอบบัญชีและประมูลใหม่ได้ และร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ซึ่งบังคับว่าเงินนอกงบประมาณต้องมาแจ้งต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเงินกู้ดังกล่าวถือะป็นเงินกู้นอกงบประมาณ 

เพื่อไทยแถลงยื่นญัตติด่วน_๒๐๐๕๒๙_0012.jpg

นอกจากพระราชกำหนด ทั้ง 3 ฉบับ จะเป็นการก่อหนี้ผูกพันประเทศจำนวนที่สูงและไม่มีรายละเอียดแผนงานของโครงการที่ชัดเจนแล้ว พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้กู้ยืมเงินแก่ธนาคารพาณิชย์ ในอัตราดอกเบี้ยต่ำและธนาคารแห่งประเทศไทยยังต้องแบกรับ จ่ายค่าชดเชยความเสียหายให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในกรณีที่มีหนี้เสียเพิ่มขึ้น อาจก่อให้เกิดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่หละหลวมไม่รอบคอบ นำมาซึ่งความเสียหายแก่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้

ส่วนการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ทั้งที่อยู่ในฐานะเป็นผู้กำกับตลาดตราสารหนี้นั้น อาจทำให้เสียความเป็นกลางและเป็นการลงทุนที่สุ่มเสี่ยง ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน อันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 ประกอบกับมาตรา 129 พรรคเพื่อไทยจึงเสนอญัตติด่วนดังกล่าวตามข้อบังคับการประชุม เพื่อติดตามตรวจสอบการใช้เม็ดเงิน 1.9 ล้านล้านบาทต่อไป ซึ่งมีผู้ลงชื่อรับรอง 42 ราย 

ด้านนายนิรมิต สุจารี ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.3 ฉบับ ว่า เงินกู้ถือเป็นเงินแผ่นดิน เนื่องจากมีภาระที่ต้องชำระใช้คืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย จากเงินที่ตั้งไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี หมายความว่า ประชาชนทุกคนเป็นหนี้ และต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้พร้อมกันในรูปของงบประมาณแผ่นดิน ซึ่ง พ.ร.ก.ฉบับนี้ไม่มีความชัดเจน ในรายละเอียดของแผนงานโครงการที่จะใช้จ่ายเงิน ไม่มีแผนการจัดหารายได้เพื่อชดใช้หนี้ มีคำถามและเป็นห่วงว่า เงินกู้ก้อนนี้มีดอกเบี้ยร้อยละเท่าไหร่ มีระยะเวลานานเท่าใดในการชำระหนี้ และเงินเหล่านี้ไปกู้มาจากที่ไหน เชื่อว่า ประชาชนทุกคนมีความประสงค์ที่ต้องการทราบข้อมูลเหล่านี้ 

“พ.ร.ก.กู้เงิน ฉบับนี้ยอดเงินจำนวนมากถึง 1.9 ล้านล้านบาทแต่การควบคุมตรวจสอบนั้นรัฐบาลตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไม่กี่คน จึงขอเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นมาเพื่อควบคุมตรวจสอบการใช้จ่ายเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก้พี่น้องประชาชน”

อ่านเพิ่มเติม