สำนักข่าวไทย รายงาน นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณีที่มีภาพเผยแพร่การให้บริการเรือด่วนในคลองแสนแสบ ยังมีผู้โดยสารเดินทางอย่างแออัด โดยเฉพาะยืนท้ายเรือว่า ในเรื่องนี้ได้เห็นภาพและได้รับรายงานแล้ว ซึ่งมองว่าการให้บริการเรือในคลองแสนแสบจะคุมยาก โดยเฉพาะการกำหนดจุดนั่งในเรือ เด็กประจำเรือจะแจ้งผู้โดยสารได้ในท่าเรือต้นทางที่วัดศรีบุญเรือง แต่ในช่วงกลางทางที่ให้บริการ เด็กประจำเรือจะไม่สามารถคุมผู้โดยสารได้ ขึ้นมาแล้วก็มาออด้านหลังเรือ ดังนั้น จึงมีแนวคิดที่อาจจะยกเลิกการให้บริการเรือในคลองแสนแสบ และจะเข้าไปหารือนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อรายงานถึงปัญหาอีกครั้ง
ด้านนายเชาวลิต เมธยะประภาส กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด ผู้ให้บริการเดินเรือคลองแสนแสบ กล่าวว่า หลังจากมีภาพการให้บริการเรือคลองแสนแสบขณะผู้ใช้บริการยืนรวมกัน ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามนโยบายการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) นั้น เรื่องนี้ได้ประชุมร่วมกับฝ่ายบริหารว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการประชาสัมพันธ์ว่าขอให้ผู้ใช้บริการปฎิบัติตามกฏระเบียบ แม้จะสั่งเด็ดขาด แต่ก็ไม่สามารถทำได้จริง
นายเชาวลิต กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องมาตรการต่างๆ ปฏิบัติตาม แต่เมื่อถึงเวลาจริงผู้ใช้บริการต่างก็ไม่ได้สนใจในสิ่งเหล่านี้ บอกตามตรงในฐานะผู้ให้บริการหนักใจมาก ท้อเต็มที่เมื่อเป็นแบบนี้ ได้มีการประเมินสถานการณ์แล้ว คาดว่าเรือคลองแสนแสบจะหยุดให้บริการภายในสัปดาห์หน้า และด้วยความยาวของเรือเมื่อต้องปฎิบัติตามนโยบายยืนห่างกัน 1 เมตร เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก
สำหรับผู้ใช้บริการจะต้องปฏิบัติตามหลัก 3 ข้อ ได้แก่ 1.ผู้ใช้บริการจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หากไม่ปฏิบัติตามจะไม่ให้ขึ้นเรือโดยเด็ดขาด 2.ผู้ใช้บริการจะต้องเว้นระยะห่างตามนโยบายของรัฐบาล และ 3.หากมีทางเลือกอื่นนอกจากเรือคลองแสนแสบก็สามารถที่จะไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะระบบอื่นได้
ด้านนายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กรมการขนส่งทางบกไปดำเนินการแล้ว ซึ่งในจุดที่มีปัญหา คือ เรื่องกายภาพที่ต้องมีคู่มือการปฎิบัติ โดยมีการกำหนดจำนวนคนที่ใช้บริการว่าภายในรถหรือเรือ นั่งได้กี่คน ยืนได้กี่คน ถ้าครบแล้วจะขึ้นไม่ได้ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการแก้ไขเสร็จภายในวันนี้ หากไม่พร้อมจะให้หยุดบริการ ซึ่งขณะนี้มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินควบคุม หากไม่ดำเนินการจะถือว่าผิดเงื่อนไข พร้อมขอขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแส อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงที่มีปัญหาการใช้บริการที่หนาแน่นอยู่ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ก็ขอให้ประชาชนพิจารณาและตัดสินใจในการใช้บริการ เพราะหากติดเชื้อก็ไม่คุ้ม