ความรักเป็นหนึ่งในหัวข้อที่เราไม่ค่อยหยิบขึ้นมาอ่านจากหนังสือมากนัก แต่อีกมุมนึง เรากลับไม่เคยเดินผ่านชั้นวางหนังสือบทกวีแล้วไม่ได้ติดไม้ติดมือออกมาสักเล่มเหมือนกัน และมันให้บังเอิญว่าหนังสือกวีส่วนใหญ่ก็มักเกี่ยวโยงกับความรักไม่มากก็น้อย แน่นอนว่า ‘ปานหยาดน้ำผึ้ง’ เองก็เช่นกัน
เรารู้ซึ้งในฐานะคนที่แต่งบทกวีเช่นเดียวกันว่าความสวยงามของทุกตัวอกษรและทุกอารมณ์ที่ส่งผ่านมายังผู้อ่านล้วนกลั่นกรองออกมาประสบการณ์ที่เจ็บปวดและสะเทือนอารมณ์ถึงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นผู้เขียนเองก็จำเป็นต้องหวนกลับไปนึกถึงห้วงอารมณ์ทุกข์ทนเหล่านั้นอีกครั้งเพื่อบรรจงแต่งกวีบนหยาดเลือดแห่งความทรงจำที่เจ็บปวดออกมา ยิ่งความทรงจำนั้นเจ็บปวดเท่าไหร่ ก็ยิ่งคู่ควรแก่การนำมาร้อยเรียงเป็นกวี และ ณ ตรงนี้ เราก็ขอสดุดีย์ ‘รูปี กอร์’ อย่างสุดซึ้ง
หนังสือเล่มนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ภาค ไล่เรียงกันไปตั้งแต่ ความเจ็บปวด (The hurting) ความรัก (The loving) การแตกสลาย (The breaking) และการเยียวยา (The healing)
โดยส่วนตัวเราชื่นชอบภาคสุดท้ายที่สุด อาจเป็นเพราะช่วงนั้นเราก็เพิ่งผ่านประสบการณ์แตกสลายมากับตัวเองเช่นเดียวกัน เลยอ่านช่วงความรักแล้วไม่อินสักเท่าไหร่ บทกวีของรูปี กอร์ ไม่ได้มีความซับซ้อนแต่อย่างใดไม่ว่าคุณจะอ่านมันในเวอร์ชันแปลไทยหรือไปอ่านในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ ทุกตัวอักษรส่งออกมาด้วยความจริงใจ ด้วยคนที่มีฐานะเสมอกัน ด้วยคนที่อาจแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน เพราะฉะนั้นเราจะขอหยิบยกกวีบางบทมาพูดคุยกัน
ท่ามกลางบทกวีมากมายในภาคสุดท้าย นี่คือบทที่กินใจเราที่สุด เป็นบทที่สร้างความเข้มแข็งให้กับเรามากที่สุด เนื้อหาไม่ได้เร่งเร้าให้เราต้องกลับมาแข็งแรงภายในวันนี้พรุ่งนี้ บทกวีแค่ย้ำเตือนเราว่าหัวใจที่แหลกเกลวไปแล้วในครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราจะแบกมันเอาไว้บนบ่าแห่งประสบการณ์ เพราะที่ผ่านมาเราก็ทำเช่นนั้น และมันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแต่อย่างใด
และหากคุณอยากดำดิ่งไปกับความแหลกเหลวของความรักครั้งที่ผ่านมา โปรดเปิดไปหน้า 109 แล้วเสพความเศร้าเสียให้พอ เพราะคุณจะโดนบทกวีบาดลึกไปจนถึงใต้สำนึก
บทกวีของรูปี เหมือนคอยเตือนสติเราเสมอว่าเราเป็นใคร และกำลังยืนอยู่ตรงไหนของความสัมพันธ์ ท้ายที่สุดแล้วบทกวีอาจจะไม่ได้มีหน้าที่ส่งมอบคำสวยงามหรือความซับซ้อนของการตีความ มากไปกว่าการสื่ออกไปยังผู้อ่านว่า “ไม่ว่าเธออยู่ตรงไหนของชีวิต และอารมณ์เธอมันดำดิ่งหรือพุ่งสูงแค่ไหน เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เพราะฉันเองก็เข้าใจเธอเช่นเดียวกัน”