แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ปัญหาสุขภาพที่มากับหน้าหนาวมักมีผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ผิวหนังและริมฝีปากแห้ง แตก คัน เป็นไข้หวัด เกิดอาการไอและคอแห้งบ่อย ประชาชนควรออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และการดื่มน้ำอุ่นก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต กระตุ้นการทำงานของอวัยวะภายใน บรรเทาอาการไข้และคอแห้ง
แต่น้ำที่นำมาดื่มก็ต้องมั่นใจในเรื่องความสะอาดปลอดภัยด้วย ซึ่งสามารถตรวจสอบคุณภาพความสะอาดของน้ำได้ โดยเปิดน้ำใส่ภาชนะ และสังเกตว่าต้องใส ไม่มีตะกอน หากมีกลิ่นคลอรีนแสดงว่าน้ำได้ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว ให้ตั้งทิ้งไว้ 20–30 นาที กลิ่นคลอรีนจะจางหายไป และเพื่อสร้างความมั่นใจมากขึ้น
ก่อนบริโภคน้ำดื่มควรเปิดน้ำประปารองใส่ตุ่มพักไว้เพื่อให้ตกตะกอนและกลิ่นคลอรีนจะหายไป จากนั้นนำไปต้มจนเดือดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส วิธีนี้จะทำให้น้ำสะอาด จุลินทรีย์และแบคทีเรียที่เป็นแหล่งของเชื้อโรคจะตายไป แต่แร่ธาตุในน้ำยังอยู่ครบ
ทั้งนี้ น้ำเปล่ามีความสำคัญต่อร่างกายมาก เพราะช่วยให้ร่างกายสดชื่น ปรับสมดุลร่างกาย ช่วยชะลอความแก่ เพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว ช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น ช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย สุขภาพไตแข็งแรง
โดยใน 1 วันควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว หรืออาจเลือกเครื่องดื่มประเภทที่ไม่มีน้ำตาลหรือเครื่องดื่มน้ำสมุนไพรแบบไม่หวาน หรือไม่เติมน้���ตาลเลย เช่น น้ำตะไคร้ช่วยขับเหงื่อและขับปัสสาวะได้ดี น้ำกระเจี๊ยบช่วยรักษาอาการร้อนในภายในช่องปาก น้ำใบเตยช่วยดับกระหาย คลายร้อน ชุ่มคอ แก้อ่อนเพลียและยังช่วยบำรุงหัวใจ น้ำมะนาวผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อย ทำให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ขับเสมหะได้ และน้ำมะตูมช่วยแก้กระหาย