รัฐบาลโปรตุเกสประกาศว่า ผู้อพยพและผู้ลี้ภัยทั้งหมดที่อาศํยอยู๋ในโปรตุเกสในปัจจุบัน จะได้รับการรักษาเหมือนกับผู้อยู่อาศัยถาวร ในช่วงวิกฤติโควิด-19 เพื่อให้มั่นใจว่าชาวตางชาติที่อยู่ในระหว่างขั้นตอนการยื่นเอกสารขอสถานะผู้อพยพและผู้ลี้ภัยในประเทศจะยังสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 มี.ค.
รัฐบาลโปรตุเกสระบุว่า ผู้อพยพและผู้ลี้ภัยเหล่านี้จะต้องแสดงหลักฐานว่ากำลังขอสถานะการอยู๋อาศัยในโปรตุเกส ก่อนที่จะเข้ารับการบริการด้านสาธารณสุข ระบบสวัสดิการ บัญชีธนาคาร และทำสัญญาจ้างงานและสัญญาเข่าที่อยู่อาศัย
นอกจากนี้ ทางการโปรตุเกสจะเร่งพิจารณาให้สิทธิพลเมืองกับคนที่อยู่ในขั้นตอนการขอสถานะไปจนถึงวันที่ 1 ก.ค.เป็นอย่างต่ำ
โฆษกกระทรวงมหาดไทยของโปรตุเกสระบุว่า ผู้คนไม่ควรต้องถูกตัดสิทธิในการเข้าถึงบริการสาธารณะและบริการด้านสาธารณสุข เพียงเพราะขั้นตอนการขอสถานะของพวกเขายังไม่แล้วเสร็จ ในช่วงเวลาพิเศษเช่นนี้ สิทธิของผู้อพยพควรได้รับการรับรองจากรัฐ และเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐจะต้องรับรองสิทธิให้กับกลุ่มคนที่มีความเปราะบางที่สุดในสังคม เช่น กลุ่มผู้อพยพ
ทางการโปรตุเกสหวังว่า การใช้มาตรการนี้อย่างถูกต้อง จะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาได้ ด้วยการลดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองบริเวณชายแดนกับผู้ขอสถานะผู้อพยพและผู้ลี้ภัย
เกณฑ์ใหม่ของโปรตุเกสออกมาช่วงที่อัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสเปนสูงเป็นอันดับ 2 ของยุโรป รองจากอิตาลี ในขณะที่โปรตุเกสมีผู้ติดเชื้อประมาณ 5,900 คน แต่มีผู้เสียชีวิตเพียง 119 รายเท่านั้น
ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า เกณฑ์ใหม่จะมีผลต่อผู้อพยพและผู้ลี้ภัยกี่คน แต่เมื่อปี 2562 รัฐบาลได้อนุมัติสถานะให้ชาวต่างชาติกว่า 135,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวบราซิล
ขณะนี้ ตำรวจโปรตุเกสได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังการเว้นระยะทางสังคม โดยการใช้โดรนในเมืองปอร์โตและกรุงลิสบอน ส่วนทหารก็แจกจ่ายอาหารให้กับคนไร้บ้านในเมืองหลวงของประเทศ
ที่มา : The Independent, Euro News