ที่สำนักงานไทยภักดี ถนนนครอินทร์ เชิงสะพานพระราม 5 จังหวัดนนทบุรี กลุ่มไทยภักดี นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ก่อตั้งกลุ่ม แถลงข่าว "1 สิทธิ์ 1 เสียง สนับสนุนมาตรา 112 ด้วยยุทธการหักคอเวียดกง" มี 3 แผนงานคือ
1.) กลุ่มไทยภักดี จะเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศ ดำเนินการแจ้งความดำเนินหากพบหลักฐานการกระทำที่เข้าข่ายความผิดอาญามาตรา 112 โดยให้เก็บหลักฐานและส่งมาที่ inbox ของเพจไทยภักดี ซึ่งทางกลุ่มจะมีทนายความอาสา รวบรวมหลักฐานและเขียนสำนวนเพื่อส่งกลับให้ประชาชนที่แจ้งเบาะแส เพื่อไปแจ้งความดำเนินคดี ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน
2.) เลื่อนกิจกรรมสนับสนุน มาตรา 112 ที่สวนลุมพินี ออกไปก่อน เนื่องจากกังวลเรื่องโควิด-19 ระบาดและสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลง โดยจะปรับรูปแบบจากการปราศรัย มาเป็นการจัดบรรยายหรือเสวนาที่สถาบันทิศทางไทย ในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ เวลา 16.00 น. ซึ่งจะไลฟ์ให้ผู้สนใจได้ติดตาม
3.) กลุ่มไทยภักดี ประเมินว่า Social Media เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศและต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ยิ่งปล่อยไว้ยิ่งอันตราย จึงจะไปยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเรียกร้องให้เร่งทำให้เกิดการปฏิรูปแผนการใช้โซเชียลมีเดีย โดยเสนอให้ตั้งกรรมาธิการศึกษาออกแบบ และเห็นว่าควรจะรู้ชื่อสกุลจริงของผู้ใช้แบบฟอร์มต่างๆ ในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 น.
นพ.วรงค์ ระบุด้วยว่า ล่าสุด แม้แต่ประเทศอังกฤษ ก็กำลังผลักดันกฎหมายเพื่อเอาผิดกับ platform ทั้ง Facebook, Twitter และ ติ๊กต๊อก ถ้ามีการนำเสนอเนื้อหาสาระที่ผิดกฎหมาย
นพ.วรงค์ กล่าวว่า ปัญหาเกิดจากการรุกคืบของกลุ่มคนไม่หวังดี ที่จะล้มล้างสถาบันและพยายามโจมตีกฎหมายอาญามาตรา 112 ใช้วิธีการกล่าวซ้ำซ้ำและใช้โซเชียลมีเดียขยายผล ถ้าไม่มีการตอบโต้หรือชี้แจง ประชาชนก็จะเคลิ้ม แต่ทางกลุ่มขอย้ำว่า ทุกประเทศมีกฎหมายคุ้มครองประมุขของรัฐ รวมทั้งประเทศอังกฤษ ที่มีข้อยกเว้นทางกฎหมายให้กับราชวงศ์ ครอบคลุมการไม่ถูกดำเนินคดีหรือไม่ถูกจับกุมด้วย ดังนั้น จึงนำมาสู่การคิดค้นแคมเปญ 1 เสียงสนับสนุนมาตรา 112 นี้ขึ้นมา
นพ.วรงค์ มองด้วยว่าแกนนำกลุ่มราษฎร 2563 กำลังแตกแยกกันเอง และการเคลื่อนไหวค่อนข้างสับสน โดยเฉพาะ การมีบางกลุ่มพยายามนำแนวคิดของลัทธิคอมมิวนิสต์มาใช้ ซึ่งจากที่ตนเฝ้าติดตามดู มีคนรับไม่ได้จำนวนมาก ส่วนแกนนำบางส่วนที่ประกาศว่าปีหน้าจะเข้มข้นกว่าเดิมนั้น แต่ตนกลับเห็นว่า ยิ่งจะสับสนขึ้นไปอีก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :