วันที่ 28 ส.ค. 2565 ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) คณะหลอมรวมประชาชน นำโดย จตุพร พรหมพันธุ์ และ นิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา เปิดเวทีปราศรัยพร้อมแถลงข่าว เรื่อง “หยุดอำนาจ 3 ป. นับหนึ่งประเทศไทย“ ว่า ข้อเรียกร้องของคณะหลอมรวมประชาชน ไม่ได้เรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยุบสภา หรือพล.อ.ประยุทธ์ ลาออก แต่หัวข้อหลักคือการหยุดอำนาจของ 3ป.เช่นเดียวกับสามทรราชในเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ขณะนี้ถูกออกแบบให้มีความประสงค์ชัดเจนว่า จะไม่ให้มีการเลือกตั้งโดยใช้วิธีที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจเมื่อปี 2557 เป็นนายกฯ ต่อการถึงสองครั้ง เขียนรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งออกแบบให้แก้ไข การฉีก แต่ไม่ยอมแก้ไขเรื่อง ส.ว.ซึ่งเป็นแทคติกที่ปล่อยให้พรรคการเมืองแก้ไขเรื่องกฎเกณฑ์กติกาเลือกตั้งเท่านั้น
จตุพร กล่าวอีก 3ป.แยบยลกว่าคณะยึดอำนาจคณะอื่นๆ ซึ่งได้ละเลงสภาด้วยการแจกกล้วย จนกระทั่งสภาเสื่อมเสีย พรรคการเมืองต่างๆกองเชียร์ นางแบบ ที่ช่วยกันแก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง จนกระทั่งพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งที่พรรคไทยรักไทยในอดีตชนะอย่างถล่มทลาย 3ป.มีความฉลาดที่ออกแบบเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้ง
จตุพร กล่าวว่า คณะหลอมรวมประชาชน ไม่ได้มีผลประโยชน์และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แต่เห็นว่าคณะ 3ป.ไม่ประสงค์ที่จะสละอำนาจ แต่ประสงค์ที่จะสืบทอดอำนาจต่อไป ภาพที่ออกมาเหมือนจะทะเลาะกัน แต่ในความจริงอำนาจอยู่ในมือของทั้ง3คน คณะหลอมรวมประชาชน จึงมีมาตรการที่จะจัดการ คือหยุดอำนาจ3ป.ให้พ้นทางการเมือง
จตุพร กล่าวอีกว่า เราต้องการนับหนึ่งประเทศไทย จึงบอกว่าอำนาจ3ป. เพื่อนับหนึ่งประเทศไทยเพราะถ้า 3ป.ยังอยู่ในอำนาจการเลือกตั้งจะไม่บังเกิด เพียงแต่หลอกให้บรรดาพรรคการเมืองเกิดความเสื่อมกันไปทั่ว ปัญหาประชาชนไม่มีทางแก้ได้เพราะต้องใช้เสียงวุฒิสภา เพียงแค่แก้ไขกฎหมายบางมาตราเพื่อให้ดีใจเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดเมื่อไม่มีกฎหมายเลือกตั้งการเลือกตั้งก็ไม่เกิดและพวกนี้ก็จะอยู่ในอำนาจต่อไป
จตุพร กล่าวอีกว่า เราจะไม่วิจารณ์ว่า พล.อ.ประวิตร ไม่แข็งแรง เพราะนั่นเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้บลูลี่ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่เราต้องการให้3ป. จะต้องออกไปจากกระดานการเมืองไทย เพราะมาถึงเพียงเท่านี้ก็ควรเพียงพอแล้ว วันนี้ตนไม่ได้ชวนพรรคการเมืองมาร่วมเคียงข้างการเมืองบนท้องถนน เพราะบางคนดัดจริต ทั้งที่ตัวเองก็มาจากท้องถนน จึงขอเชิญประชาชนผู้เป็นอำนาจเต็มของการเมืองไทย และนักการเมืองที่ตาสว่างอย่าโง่ซ้ำซาก วันนี้เราจึงต้องยกระดับมาไล่ หยุดอำนาจ3ป.ให้ออกจากไปจากกระดานการเมืองไทย
จตุพร กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนมีสองบุคลิก ท่วงทำนองแข็งกร้าว แต่เวลาเจรจาความก็มีอีกบุคลิกหนึ่ง เมื่อได้เป็นนายกสองครั้ง จนกระทั่งมีปัญหาเรื่อง8ปี เพราะฉะนั้นการนิ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่การหยุด เพราะถ้าจะหยุดจริงคงไม่เดินทางไปกระทรวงกลาโหม แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่ต้องการวางอำนาจ ก็ไม่รู้จักพอเหมือน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
จตุพร กล่าวทิ้งท้ายว่า เรากำลังจะออกแบบวิธีการจัดการชุมนุมอาจจะเข้าไปจัดกิจกรรมในเมือง หรือมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ และจะมีให้ถี่ขึ้น กระจายให้มากขึ้น อาจไปต่างเมือง ก่อนกลับเข้ามา กทม.อีกครั้ง โดยในสัปดาห์หน้าจะเข้าไปทำกิจกรรมย่านใจกลางเมือง ส่วนจะเป็นจุดใดนั้นจะแจ้งให้ทราบกันต่อไป ส่วนเรื่องการลงบนท้องถนนถึงอย่างไรวันนั้นก็ต้องมาถึง เพราะจะต้องมีวันที่แตกหักกันระหว่างคนไทยกับ 3ป. วันนี้เราต้องเข้าใจก่อนว่าเขาแบ่งบทบาทกันเล่น เพื่อหลอกคนไทย ดังนั้นทุกย่างก้าวเขามีแต่ความเจ้าเล่เพทุบาย เป็นการรวมสารพัดสัตว์อยู่ภายในร่าง และออกแบบอย่างแยบยล เราจึงต้องคิดแก้ปัญหากันแบบตอนต่อตอน เพราะเขาคิดต่อยใต้เข็มขัดได้ตลอดเวลา เป้าหมายหลักของพวกเรา คือการนับหนึ่งประเทศไทย เราจะไม่หยุดและเราจะหยุดอำนาจ 3ป.ให้ได้
ด้าน นิติธร กล่าวว่า การหยุดอำนาจ 3ป.นั้น จะมีผลเท่ากับการหยุดระบอบการปกครองในระบอบอำนาจนิยม หยุดการบริหารประเทศที่มี ส.ว.มาจากรัฐประหาร หยุดอำนาจ ส.ว. หยุดอำนาจองค์กรอิสระ ที่ไม่ทำหน้าที่แก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริง การหยุดอำนาจ 3 ป.มีนัยสำคัญที่จะทำให้ทรัพยากรของประเทศโดยเฉพาะปิโตรเลียม กลับมาเป็นของประชาชน และจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน
นิติธร กล่าวว่า ส่วนนักการเมืองวันนี้รู้ไหมว่าไม่มีเลือกตั้ง หากดันทุรังไปก็เจอรัฐประหาร ดังนั้นเลือกเอาว่าจะหยุด3ป.แล้วบริหารงานบ้านเมืองกันใหม่ หรือดันทุรังกันไปแล้วเอาไปให้ทหารรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง
นิติธร กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รู้สึกหวั่นไหวใดๆ หากสื่อมวลชนไปตามให้ดี ขณะนี้มีความพยายามในการเคลื่อนไหวที่จะดึงระยะเวลาในการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญออกไปให้ได้ เนื่องจาก 21 ต.ค.นี้ จะมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คนหนึ่งเกษียณอายุเพราะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ไปดูให้ดีในเสียงข้างมากจะมีตุลาการคนหนึ่งต้องเกษียณ ก็จะกลายเป็นเสียง 4ต่อ 4 นั่นหมายความว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ เสียงเท่ากัน เมื่อต้องวินิจฉัยชี้ขาด ประธานก็เป็นคนออกเสียงได้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นเสียงชี้ขาด ตรงนี้จะเป็นกรณีที่สำคัญ แล้วไปดูว่าเสียงตรงนั้นจะไปในทางใด ซึ่งนี่คือความพยายามในการถ่วงเวลา 1-2 เดือน หรือมากกว่านั้น นี่เป็นอีกกลไกหนึ่งที่จะถูกนำมาใช้
นิติธร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ปริมาณมวลชนเป็นเพียงเงื่อนไขหนึ่ง แต่ในทางความคิดที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหยุดอำนาจ3ป. มีเต็มประเทศไทย ถ้าแน่จริงพล.อ.ประยุทธ์ กลับมาให้ได้ และพล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นนายกฯตัวจริงให้ได้ พล.อ.อนุพงษ์ เข้ามาให้ได้ แล้วป.ที่อยู่เบื้องหลัง พล.อ.ประวิตร เข้ามาให้ได้ แล้วจะรู้ว่ามวลชนมีมากเพียงพอหรือไม่