วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมบันเทิงจากฝั่งฮอลลีวูดประกาศระงับการเปิดตัวภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ‘The Batman’ ในประเทศรัสเซีย เพียงไม่กี่วันก่อนการเข้าฉายอย่างเป็นทางการ นับเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลังจากรัสเซียเปิดสงครามต่อยูเครนในวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวเอพีรายงานว่าไม่เฉพาะแต่บริษัท ‘วอร์เนอร์บราเธอร์ส’ ที่แสดงจุดยืนต่อต้านการทำสงครามในครั้งนี้แต่ยังรวมไปถึงอีกสองบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ‘วอลต์ดิสนีย์’ และ ‘โซนี่ พิคเจอร์ส’ อีกด้วยที่ออกมาประกาศเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาว่าบริษัทเหล่านี้จะเดินหน้ามาตรการระงับการเปิดตัวภาพยนตร์ในประเทศรัสเซียชั่วคราว
ทั้งสามบริษัทรายใหญ่ต่างมีแผนที่มีการเตรียมการมาอย่างยาวนานเพื่อเปิดตัวภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่องด้วยกันในระดับนานาชาติหลังการฟันฝ่าช่วงวิกฤตโควิด-19 ตลอดสองปีที่ผ่านมาโดยภาพยนตร์เรื่อง The Batman มีกำหนดจะเข้าฉายวันแรก 4 ก.พ.นี้ ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกรวมถึงรัสเซียด้วย
“ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตด้านสิทธิมนุษยชนที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครน ทางบริษัทวอร์เนอร์มีเดียของเราจะระงับการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง The Batman ในประเทศรัสเซีย … เราจะเดินหน้าจับตาสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด” โฆษกของผู้ผลิตภาพยนตร์กล่าวในแถลงการณ์พร้อมย้ำว่า “เราหวังว่าจะได้เห็นทางออกที่สันติจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้”
ด้านโฆษกของดิสนีย์ได้กล่าวในแถลงการณ์เช่นกันว่า “เราขอประกาศหยุดการเปิดตัวภาพยนตร์ชั่วคราวในประเทศรัสเซีย หนึ่งในนั้นคือภาพยนตร์จาก Pixar เรื่อง Turning Red เนื่องมาจากสถานการณ์การรุกรานที่ไม่ได้เกิดจากการยั่วยุซึ่งกระทำโดยรัสเซียต่อยูเครน และวิกฤตด้านสิทธิมนุษย์ชนที่กำลังเกิดขึ้น”
ขณะเดียวกัน ด้านสมาคมภาพยนตร์ หรือ The Motion Picture Association แถลงว่า “ในนามของทุกภาคส่วนที่เป็นสมาชิกของเรา ผู้ซึ่งเป็นผู้นำในวงการภาพยนตร์ โทรทัศน์ และอุตสาหกรรมสตรีมมิง เราขอแสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อชุมชนผู้มีความคิดสร้างสรรค์อันปราดเปรื่องในประเทศยูเครน ผู้ซึ่งสมควรจะได้ใช้ชีวิตและทำงานอย่างสงบสุขและสันติ”
ทั้งนี้ แม้ว่าประเทศรัสเซียจะไม่ใช่ตลาดอันดับหนึ่งของฮอลลีวูด แต่ถือเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มประเทศอันดับต้นๆ ของโลกที่เป็นตลาดสำคัญของวงการภาพยนตร์จากสหรัฐฯ โดยผลงานล่าสุดจากโซนีอย่าง Spider-Man: No Way Home ที่สามารถสร้างรายได้ไปถึง 1,850 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการขายบัตรเข้าชมภาพยนตร์ทั่วโลก สามารถทำเงินจากประเทศรัสเซียที่เดียวไปได้มากกว่า 46.7 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว