ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักปีนเขาชาวอินเดียและชาวอเมริกันเสียชีวิตจากความหนาแน่นของประชากรนักปีนเขาที่ไต่ขึ้นไปยังยอดสูงสุดของภูเขาเอเวอเรสต์
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักปีนเขาเสียชีวิตแล้ว 3 คน จากการรอต่อคิวเพื่อขึ้นไปยังยอดสูงสุดของเอเวอเรสต์ ซึ่งผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชายชาวอเมริกัน 1 คน และชาวอินเดียชาย 1 คน และหญิง 1คน
การเสีย���ีวิตของทั้ง 3 คนนั้นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นผู้เป็นไกด์ปีนเขากล่าวว่า นายโดนัลด์ ลีนน์ ชาวอเมริกัน ได้พลัดตกลงมาจากเขาขณะที่กำลังถ่ายรูปที่บริเวณยอดสูงสุดของภูเขาเอเวอเรสต์ และเสียชีวิตขณะที่กำลังปีนลงจากยอดเขา
ขณะที่นักปีนเขาชาวอินเดีย อันจาลี กัลคาร์นี และ กาลปานา ดัส ทั้งคู่เสียชีวิตในลักษณะเดียวกับนักปีนเขาชาวอเมริกัน หลังจากที่มีอาการหมดแรง เพื่อถูกบังคับให้ต้องรอการปีนขึ้นไปยังยอดเขาเป็นเวลากว่าชั่วโมง เนื่องจากความหนาแน่นของนักปีนเขาที่ขึ้นไปสัมผัสยอดสูงสุดของดินแดนหลังคาโลก
สื่อท้องถิ่นของเนปาลระบุว่า ทั้ง 3 คนเสียชีวิตที่ความสูงกว่า 8,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ในบริเวณที่เป้นที่รู้กันดีในหมู่นักปีนเขาว่า เป็นพื้นที่แห่งความตาย (The Death Zone) และมีคนรอต่อแถวเพื่อขึ้นไปยังจุดดังกล่าวกว่า 320 คนในเส้นทางที่แคบและชัน
นิเวส คาร์กี ผู้จัดการของไกด์ผจญภัยกล่าวว่า "การเสียชีวิตบนเอเวอเรสต์เป็นปัญหาใหญ่ของการปีนขึ้นเอเวอเรสต์ เพราะเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตราย และยังมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และความหนาแน่นของประชากรนักปีนเขาที่ขึ้นไปนั้นทำให้การเดินขึ้นไปสู่ยอดเขานั้นมีความยากมากขึ้น"
นับตั้งแต่ปี 1922 มีผู้เสียชีวิตจากการขึ้นสูงยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้แล้วกว่า 200 ราย ซึ่งศพของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่นั้นมักจะถูกฝั่งอยู่ใต้ธานน้ำแข้งหรือหิมะบนยอดเขาดังกล่าว อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาศาตราจารย์ชาวไอริช ซีมัส ลอว์เลสได้เสียชีวิตหลังจากตกลงมาจากยอดเขาเช่นกัน
ที่มา CNN / The guardian