นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ทำทุกวันให้เสมือนเป็นวันสุดท้าย โดยระบุว่า จนกระทั่งถึงวันนี้ ส่วนตัวยังมั่นใจว่าพรรคอนาคตใหม่จะไม่ถูกยุบ เพราะไม่ว่าจะพิจารณาจากข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ไม่มีเหตุตามกฎหมายใดเลยที่จะยุบพรรคอนาคตใหม่ได้ เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายมาตราใด ข้อใด ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองกู้เงิน หาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองต้องการมิให้พรรคการเมืองกู้เงิน ก็ต้องกำหนดไว้ให้ชัดเจน เพื่อให้ทุกพรรคการเมืองทราบล่วงหน้า ทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีพรรคการเมืองจำนวนมากที่กู้เงิน พรรคการเมืองหลากหลายประเทศก็กู้เงิน
นายปิยบุตร ระบุว่า “เงินกู้” มิใช่ “รายได้” แต่เป็น “หนี้สิน” จึงไม่เข้าข้อจำกัดตามที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดที่มาของรายได้ของพรรคการเมือง อีกทั้ง “เงินกู้” มิใช่ “เงินบริจาค” และ มิใช่ “ประโยชน์อื่นใด” พรรคอนาคตใหม่มีสัญญาเงินกู้ชัดเจน เมื่อกู้มาแล้วเป็นหนี้สิน พรรคต้องชำระหนี้คืน และได้ทยอยชำระหนี้คืนไปบางส่วนแล้ว “เงินกู้” มิใช่ “เงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” มิใช่ “เงินสกปรก” มิใช่ “เงินจากการทำผิดกฎหมาย”
"ผมเน้นย้ำอยู่เสมอว่าปากกาไม่ได้อยู่ที่ผม แต่ปากกาอยู่ในมือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ในท้ายที่สุด การยุบพรรคอนาคตใหม่จะเกิดขึ้นหรือไม่ จึงอยู่ที่อำนาจตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญ และด้วยปรากฏการณ์ยุบพรรค ในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา ก็ย่อมทำให้คนจำนวนมากคาดการณ์ไปต่างๆ นานาถึงชะตากรรมของพรรคอนาคตใหม่ที่อยู่ในมือของศาลรัฐธรรมนูญ"
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยังหยิบยกคำพูดของ สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) อดีตประธานบริหารของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ เคยบอกไว้ว่า “ผมมองกระจกทุกเช้าและถามตัวเองว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ผมยังจะทำสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้หรือเปล่า และเมื่อไรที่คำตอบคือไม่ ผมรู้ทันทีว่าผมต้องเปลี่ยนแปลง” ดังนั้น หากเราตระหนักว่า ในแต่ละวัน อาจเป็นวันสุดท้าย แล้วเรายังคงเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราทำในแต่ละวันนั้นถูกต้อง สอดคล้องกับมโนธรรมสำนึก และเป็นไปตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เราก็จำต้องเร่งลงมือทำสิ่งเหล่านั้น ทำทุกวันให้เสมือนเป็นวันสุดท้าย
นายปิยบุตร ระบุว่า นับตั้งแต่เข้าสู่ปีใหม่ ส่วนตัวเร่งทำงานในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างหนักหน่วงเต็มที่ ทั้งการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร และงานในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ได้อภิปรายในวาระที่สองของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลปกครอง ตัวเองได้อภิปรายแถลงญัตติแสดงถึงเหตุผลความจำเป็นของการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางป้องกันมิให้รัฐประหารเกิดขึ้นอีกในอนาคต
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรประจำสัปดาห์นี้ ในวันพุธที่ 19-20 ก.พ. ตนมีภารกิจหลายเรื่อง หนึ่ง เสนอรายงานของคณะกรรมาธิการฯอีกสองเรื่องให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเรื่องแรก การทบทวนกระบวนการพิจารณาคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ ซึ่งปัจจุบัน ประกาศ คสช. ได้ยกเลิกอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดในส่วนนี้ คงเหลือให้เป็นอำนาจของตำรวจ เรื่องที่สอง ผลกระทบของประกาศ คสช. คำสั่ง คสช. คำสั่งหัวหน้า คสช. : ศึกษากรณีการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหาร การจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก และการจำกัดเสรีภาพสื่อ
สอง อภิปรายสรุปญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางป้องกันมิให้รัฐประหารเกิดขึ้นอีกในอนาคต ส่วนตัวตั้งใจใช้โอกาสนี้อภิปราย “ทิ้งทวน” เพื่อบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ของสภาผู้แทนราษฎรไว้
สาม เชิญ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มาชี้แจงและตอบข้อซักถามกับคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ในกรณีเรื่องแนวทางการจัดการชุมนุมสาธารณะ และกรณี “วิ่งไล่ลุง”
สี่ เชิญ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. มาชี้แจงและตอบข้อซักถามกับคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ เรื่อง ปัญหาทางกฎหมายกรณีการประกอบธุรกิจของกองทัพ และการทำธุรกิจกันในค่ายทหาร
ห้า ต้อนรับและสนทนาแลกเปลี่ยนกับประธานกรรมาธิการคมนาคม และอดีต รมต คมนาคม และคณะ จากประเทศสหพันธสาธารณรัฐเยอรมนี
หก ประชุมคณะอนุกรรมาธิการศึกษาวิเคราะห์บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ซึ่งสัปดาห์นี้จะเข้าเรื่องสำคัญ นั่นคือ หมวดว่าด้วยรัฐสภา
นายปิยบุตร ยังระบุว่า ตารางการทำงานของตัวเองยังกำหนดไว้ในหลายเรื่องในสัปดาห์ต่อๆไป อาทิ การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี การเสนอร่าง พ.ร.บ.อีกหลายเรื่อง การจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบของประกาศ คสช คำสั่ง คสช. การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในทุกมิติ การจัดเวทีเสวนาวิชาการ เป็นต้น ทั้งหมดตนจะได้ทำในฐานะ ส.ส.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 21 ก.พ. นี้
"สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นสถาบันการเมืองเพียงแห่งเดียวที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ผู้แทนราษฎร คือ ผู้ที่ใช้อำนาจของราษฎรแทนราษฎร สภาผู้แทนราษฎร มีพันธกิจในการนำความต้องการของประชาชนมาทำให้เกิดผล สำหรับผมแล้ว เวลาจะมากหรือน้อยเพียงใด เหลือเวลาอีกเท่าไร ไม่สำคัญ ขอเพียงเราเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ และทำมันทุกวันเสมือนทุกวันเป็นวันสุดท้าย"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง