ไม่พบผลการค้นหา
'ประยุทธ์​' ลงพื้นที่ชาวเพชรบูรณ์แห่รับ บอกไม่ผิดหวัง​ได้รับการต้อนรับอบอุ่น​ ขอ​ประชาชนภูมิใจการอยู่ผืนแผ่นดินไทย ลั่น​แตกแยกกันไม่ได้ หากแตกแยกเมื่อใดศักยภาพที่มีหมดทันที​ พูดเป็นนัย ปัญหาเกษตรกรอยู่ในใจตั้งแต่เป็นนายกฯวันแรก​ จนวันนี้และ"คงอยู่ไปอีกนาน" ก่อนแจงอย่าตีความผิด​ ชี้​เลิกแบ่งสีแบ่งสันกันได้แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธี Kick Off มาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2565 / 2566 ที่ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์​ โดยมี​ อาคม​ เติมพิทยาไพสิทธิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สุชาติ​ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชัยวุฒิ​ ธนาคมานุสรณ์​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสันติ​ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมคณะ

โดยเมื่อนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงบริเวณงานได้เดินแวะทักทายประชาชน พร้อมตบอกอกข้างซ้าย และส่งสัญลักษณ์มือ I love you ให้กับประชาชน พร้อมกับสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้นถอยออกจากตนเอง​ และเปิดกว้างเพื่อทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับ​ กว่าหลายพันคน​ 

พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นกล่าวว่า​ ขอบคุณทุกคน​ วันนี้ตนได้เห็นการต้อนรับที่อบอุ่น ขอบคุณบรรดาผู้นำหลายส่วนที่ได้มาในวันนี้​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรประชาชนชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ตนมาหลายครั้งจังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่เคยผิดหวัง ทุกคนมีความรักความสามัคคีกันดีมากๆ ขอขอบคุณทุกท่านด้วยใจจริง​ ก่อนที่จะแนะนำคณะที่เดินทางมาด้วย​ และกล่าวแซวเจ้าหน้าที่ธนาคาร ธกส. ว่าเสื้อเขียวนี้มาจาก ธ.ก.ส.ใช่หรือไม่ ส่วนแถวหน้าซึ่งเป็นประชาชนนี้เป็น ธ.ก.ส.ด้วยหรือเปล่า หรือมารับเงินธ.ก.ส.​ใส่เสื้อเขียวมา

จากนั้นระบุต่อว่า ตนรู้สึกยินดีจริงๆ ที่ได้มาพบกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทุกคน เมื่อสักครู่ตนได้ไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ด้วยความสบายใจและอุทิศ กราบขอพรให้กับประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน ซึ่งเป็นคติพจน์ในใจของตนตลอดมา วันนี้มาแนะนำของนายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาลรัฐบาลและ ครม. ยินดีได้มาพบปะกับเกษตรกร แต่ได้ร่วมในพิธีมอบเงินในโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการเพาะปลูก 2565 / 2566​ เพื่อที่จะเป็นกำลังใจให้ รักษาเสถียรภาพด้านราคา มีรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน 

โดยนายกรัฐมนตรี ระบุ​ จะไม่พูดตามเอกสารที่เตรียมไว้ให้ แต่จะพูดในสิ่งที่ตนคิด สิ่งที่ตนทำและเดินหน้ามาโดยตลอด เราทราบดีอยู่แล้วว่าไทยนั้นมีศักยภาพมากมาย เรื่องของการเกษตรเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลกได้ แต่เราต้องมีการพัฒนาปรับปรุง จะต้องบริหารจัดการเข้าให้ไทยเป็นผู้นำการผลิต ตลาดกลางตลาดข้าวที่มีคุณภาพของโลก วันนี้เราต้องพูดถึงเศรษฐกิจ BCG คือจะทำอะไรก็ตามต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมไปด้วย 

นายกรัฐมนตรี ยัง​ระบุอีกว่า เราเป็นแผ่นดินแห่งความร่มเย็นสงบสุข แต่เราต้องมาดูว่าจะทำการเกษตรของเราอย่างไรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน ต้องมองไกลจากตัวเราเองสักนิด ตนเข้าใจว่าแต่ละวันทุกคนคงนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรปลูกอย่างไร ใช้หนี้อย่างไรจะขายได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เราต้องคิดให้ไกลกว่าเดิมให้พ้นจากตัวเองสักนิด เพราะที่ผ่านมาเราทำอะไรไว้อย่างไร​ เวลาผมพูด​ รัฐบาลแนะนำ​ ขอให้ลองคิดดูว่า ผมบังคับท่านไม่ได้ หากทำอย่างที่ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ 

นายกรัฐมนตรี​ ระบุต่อว่า​ จงภูมิใจในการอยู่ในผืนแผ่นดินไทยให้มากที่สุด เป็นดินแดนแห่งความสุขสงบและสันติ เป็นดินแดนแห่งใต้ร่มพระบรมโพธิสัมพันธ์ ใต้ร่มเงาของทุกศาสนา ที่เรียกว่าพหุวัฒนธรรม เราอยู่ร่วมกันได้คนไทย แตกแยกกันไม่ได้ หากแตกแยกกันเมื่อใดศักยภาพต่างๆ ขีดความสามารถที่เรามีอยู่หมดไปทันที เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือต้องเริ่มจากตัวของเราไปถึงชุมชน ไปถึงสังคม และระดับประเทศต้องรักกันนั่นคือประเด็นสำคัญที่สุด และรัฐบาลไม่ว่าจะผมหรือใครก็ตามจะต้องทำให้สิ่งเหล่านี้เข้มแข็งขึ้น เติบโตขึ้นรวมพลังให้มากยิ่งขึ้น ที่จะเดินหน้าประเทศต่อไป เราทำแบบเดิมทั้งหมดไม่ได้อยู่แล้ว ตนก็คาดหวังว่าสิ่งที่ตนทำไว้ในวันนี้จะเป็นพื้นฐานเป็นแนวทางและจะมีอะไรที่ดีกว่านี้ไปเรื่อยๆ

โดยในช่วงหนึ่ง นายก​รัฐมนตรี กล่าวกับเกษตรกรว่าขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลมีอยู่กระเป๋าเงินอยู่กระเป๋า​เดียว​ แต่ต้องแจกจ่ายไปยังหลายกระเป๋า​ เพราะประชาชนมีอยู่หลายประเภท นอกจากเกษตรกรแล้ว ก็ยังมีธุรกิจเอกชน ที่ผ่านมาตนเข้าใจถึงความยากลำบากของท่าน ท่านลำบาก​ ผ​มยิ่งลำบากกว่าท่าน​ แต่ผมไม่ลำบากเหนื่อยกายเหนื่อยใจเท่าท่าน แต่ผมเหนื่อยที่ต้องแก้ไขปัญหาให้กับพวกท่านอย่างไร นี่คือหัวใจของการเป็นรัฐบาล หัวใจของการเป็นอะไรก็แล้วแต่ต้องนึกถึงประชาชนให้มากที่สุด ต้องหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้สามารถทำได้ ได้มากได้น้อยก็ต้องด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ทุกวันนี้ต้องปรับเปลี่ยนความคิดทั้งหมด ต้องบอกให้ไกลกว่าตัวเอง ต้องคิดว่าเราเดือดร้อนตรงนี้เพราะอะไร เพราะตรงไหนหากเราช่วยตัวเองไม่ได้​ ใครก็ช่วยไม่ได้ ต้องคิดว่าตรงนี้ติดแล้วต้องทำอย่างไร ไปสู่เป้าหมาย แล้วนำมาดูว่าทั้งหมดรัฐบาลจะสามารถดูแลได้ตรงไหนบ้าง หากทำอย่างนี้รัฐบาลก็จะแก้ไขปัญหาได้ไม่มากก็น้อย ตนจึงบอกว่าวันนี้ตนมาในนามของรัฐบาล เพราะเป็นหัวหน้ารัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะโครงการใดก็ตาม ก็ต้องเข้าไปยัง ครม.พิจารณาร่วมมือกันว่าจะอนุมัติ พรรคร่วมรัฐบาลทุกคนก็เป็นคณะรัฐมนตรีทุกคนก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบในการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐทั้งหมด​ เพราะฉะนั้นตนอยากให้เข้าใจตรงนี้ว่า ตนต้องการความเข้าใจระหว่างกันซึ่งกันและกัน ถ้ามีรายได้มากขึ้นรวยขึ้นประเทศไทย GDP สูงขึ้นตนไม่กังวลเรื่องนี้เลย เพราะนี่คือวงเงินกรอบ​มาตรา 28 ที่รัฐบาลนั้นเขียนไว้แล้ว ต้องกี่เปอร์เซ็นต์ หากใช้เกินก็ผิดกฎหมาย แล้วเราก็ไม่มีจะใช้ตรงนั้นด้วย หลายอย่างที่จำเป็นต้องไปกู้เพิ่มเติมมาเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ​ จำเป็นต้องไปใช้ตรงนู้นตรงนี้แต่ก็เก็บภาษีได้น้อยลง เพราะฉะนั้นแผนงานแต่งโครงการต่างๆ เขามีไว้ล่วงหน้าแล้ว ก่อนที่จะปล่อยมุก สิ่งเหล่านี้ตนพูดเพียงพอสังเขปหากพูดไปนานๆ ท่านจะปวดหัวกับผมไปด้วย 

และชี้ไปทางรัฐมนตรีพร้อมกับระบุว่า แต่ก่อนผมเยอะ แต่ตอนนี้ผมร่วงหมดแล้ว ผมดำเป็นผมขาว ผมขาวเป็นผมดำหมดแล้ว เพราะปัญหาเราเยอะเยอะเพราะเราต้องคุยกันบางทีมันถึงมีปัญหา ข้าราชการมีความกังวลเรื่องกฎหมาย กฎระเบียบอะไรต่างๆ ประชาชนก็อยากให้ปลดตรงนู้นตรงนี้ ตนก็อยู่ตรงนี้แต่ต้องดูว่าจะแก้อะไรตรงไหน สิ่งสำคัญที่สุดทุกอย่างจะแก้ไขปัญหาได้ด้วยความรักความสามัคคี ตนอยากเห็นทุกคนยิ้มแบบนี้ทั้งประเทศ ยิ้มแบบชาวเพชรบูรณ์ยิ้ม ผมชอบแบบนี้จะทุกข์จะสุขขอให้ยิ้มไว้ก่อน เพราะนี่คือสุขภาพจิตเรา ลูกเต้าครอบครัว

โดยในช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนทราบดีว่าปัญหาของเกษตรกรนั้นเยอะมากทั้งปัญหาดินที่เสื่อมโทรม ราคาปุ๋ยราคาราคากำจัดวัชพืช ตก 4,000-5,000 บาท เพราะฉะนั้นราคาข้าวต่างกันน้อย เราก็เดือดร้อน หนี้สินเก่าเราก็มี เพราะฉะนั้นตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่ในใจของผมมาตลอดตั้งแต่ตนเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีวันแรกจนถึงวันนี้ และคงอยู่ไปอีกนาน​ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับประชาชนและสร้างเสียงหัวเราะ พร้อมเสียงปรบมือได้เป็นอย่างดี พร้อมกับระบุว่า เดี๋ยวจะตีความผิด ว่าผมอยู่ไปอีกนานในทำนองนี้ ผมว่าความรู้สึกแบบนี้อยู่กับผมไปอีกนาน เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก คือใครเป็นรัฐบาลก็ต้องทำ ลองคิดดูว่าที่ตนพูดนั้นถูกไหม ทำแล้วนอกจากถูกต้องก็ต้องถูกใจด้วย

นายกรัฐมนตรี​ ยังระบุอีกว่า​ ในการประชุมเอเปค หากบ้านเมืองของเราไม่ดี​ เขาคงไม่มากันมากขนาดนี้​ 800 กว่าเที่ยวบิน เหมือนผึ้งตอมรัง ความสุขความสดชื่นความยิ้มแย้มแจ่มใส ความทุกข์ขอให้เก็บไว้ ค่อยๆแก้ ค่อยๆระบาย หากระบายออกด้วยความเกลียดชังไม่มีอะไรจะดีขึ้น นอกจากความปลูกฝังการเกลียดชังไปเรื่อยๆแล้วเราก็จะทรมาน ตนขอยืนยันว่าไม่ใช่ศัตรูใครทั้งสิ้น​ อย่าลืมว่าเงินทั้งหมดไม่ใช่ของผมหรือธนาคาร แต่เป็นเงินที่สมาชิกนำเข้ามา เป็นเงินของประชาชนเหมือนกัน การที่รัฐบาลนำเสนอไปใช้ก็ต้องรับผิดชอบ แนะนำงบประมาณภาครัฐเข้ามาเติมให้

วันนี้ตนมาเพื่อให้เห็นหน้าเห็นตากันทำสัญญาใจกัน ว่าเอาใจช่วยกัน ไปด้วยกันให้ได้แต่เรื่องของการทำให้ประเทศเราปลอดภัยเป็นประเทศที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี มันต้องใช้เวลา ไม่ใช่ปีเดียว​ หรือ 2 ปีไม่ใช่ ที่ตนอยู่มาวันนี้หลายปีก็ทำอะไรไปได้เยอะพอสมควร พร้อมกับระบุว่าตนไม่ได้พูดว่าอยากหรือไม่อยากอยู่อะไรทั้งสิ้นไม่เกี่ยว เดี๋ยวจะตีความกันผิดอีก เป็นยุทธศาสตร์แผนแม่บทที่จะส่งต่อรัฐบาลต่อไป หากทำต่อแบบนี้ก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ​ ต้องการให้เกษตรกรนั้นมีรอยยิ้ม ยิ้มสู้ยิ้มไปเถอะ จะเจ็บปวดหรืออะไรก็ขอให้ยิ้มเข้าไว้ ความสุขอยู่ที่ใจ อาจจะมีความทุกข์ผมก็ทุกข์ ที่ผมยิ้มอยู่นี้ในใจก็ร้อน เข้าใจหรือไม่ แต่เราก็ยิ้ม ยิ้มให้ใครยิ้มให้ทุกคนที่แวดล้อม เขาเห็นหน้าเรามาปรับทุกข์ผูกมิตร เห็นหน้าโมโหตลอดเวลาก็ไม่กล้าเข้าหากันคุยกันไม่ได้ ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องของอารมณ์

วันนี้คืองานของรัฐบาล ที่พวกเราได้ร่วมมือกันมา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอย่างน้อยก็ได้ประโยชน์บ้างเพราะในสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตนต้องการมาให้กำลังใจและสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันทุกคนอยู่ตรงนี้ทุกคนไม่มีหยุดคิด เพราะเมื่อผมไม่หยุดเขาก็ต้องไม่หยุด ต้องไปหาวิธีการแก้ไขปัญหามาให้ได้ผมเอาโจทย์ให้รัฐมนตรี กระทรวงในเรื่องอะไรก็ทำไปอะไรต้องบูรณาการร่วมกันก็ต้องทำ นั่นคือรัฐบาล นั่นคือตัวแทนที่เลือกมาจากประชาชนทั้งหมด วันนี้ก็อยากให้กำลังใจกับกลุ่มเกษตรกร ถึงแม้ส่วนใหญ่จะมาเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวก็ตาม

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวติดตลกว่า บางทีตนจำวันเดือนปีไม่ได้ เลยฉันน่ะ บางทีเซ็นไปวันไหนยังไม่รู้เลยเซ็นย้อนผิดทุกวัน เพราะไม่เคยได้ดูนาฬิกาสักเท่าไหร่ เพราะบางทีก็ยุ่งคิดมากไป ต้องคิดให้น้อยลงสักหน่อย ที่คิดทั้งหมดไม่ได้คิดอะไรคิดแต่เรื่องงาน คิดถึงประชาชนเวลาที่เขาลำบากกว่า อะไรที่จะต้องไปทำให้เขาต่อไปหลังจากนี้จุดจุดจุดแล้วก็ไปปรึกษาทุกคน ครม.ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลที่มาจากส.ส.มาจากพรรคร่วมรัฐบาล เป็นทีมงานของรัฐบาล ส่วนสภาก็เป็นเรื่องของ ส.สทั้งหมดในภาพรวม ทั้งหมดคือหัวใจของพวกเรา​ รวมพลังกันให้ได้ ถ้าทุกคนประท้วงกันไปประท้วงกันมา ก็ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น นึกออกหรือไม่หลายคนก็บอก ไปประท้วงสักหน่อยเดี๋ยวคงได้ แต่หากผิดกฎหมายจะมีปัญหา ผมก็อยากให้ทั้งหมดอยากให้ทุกอัน กฎหมายการเงินการคลังการใช้จ่ายสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์มีทั้งหมด เพราะวันนี้ฟ้องกันง่าย มีอะไรจะถามหรือไม่ ไม่มี ฟังได้ยินหมดใช่หรือไม่ เข้าใจหรือเปล่า ก่อนที่จะถามประชาชนว่าเห็นใจบ้างไหมจ๊ะ ต่างคนต่างเห็นใจ เราเต็มที่รับผิดชอบทั้งหมด ประชาชนทั้งประเทศในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ต้องเข้าใจว่าหัวหน้ารัฐบาลมาจากตรงไหน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมาจากที่ใด ส.ส.มาอย่างไร ทั้งหมดนี่คือประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี​ ไม่ใช่คนเก่งอะไรมากมาย เพียงแต่ดูศึกษาและคิด วันๆก็คิด แล้วก็ระบายไปยังคณะรัฐมนตรี คนเก่งเยอะแยะไป หากส่งไปนานแล้วไม่กลับมาก็ต้องถามหน่อย ว่าทำไมไม่เห็นผลออกสักที และหันมาถามว่า ครม.มีอะไรพูดหรือไม่เขาคุยกันอยู่แล้วแหละ​ ตนคิดว่าทุกอย่างจะต่องดีขึ้นด้วยการรวมพลังของพวกเรา​ โอเคนะ​ เริ่มปวดหัวแล้ว​ ตั้งใจจะพูดแป๊บเดียว​ แต่เห็นข้างหน้ายิ้ม​ ก่อนที่จะแซวว่า​ นายกให้ยิ้มแล้วจะไม่ยิ้มได้อย่างไร​ พี่สันติเขาสั่งให้ยิ้มใช่หรือไม่​ ซึ่งเรียกเสียงปรบมือจากประชาชนได้เป็นอย่างมาก​ และกล่าวว่า​ ยิ้มเถอะครับ​ ยิ้มครองโลก​ ยิ้มให้เมียหรือยังเช้านี้​ สามียิ้มหรือยัง​ ยิ้มใส่กันทั้งวัน​ เขาว่าบ้าก็ยิ้ม​ จะให้โมโหใส่กันทั้งวันได้อย่างไร​ ยิ้มให้กันแล้วจะคุยกันได้ปรับเคมีตรงกันก็ไปกันได้ แบ่งพวกแบ่งฝ่ายได้อะไรขึ้นมา​แบ่งสีแบ่งสันพอกันแล้ว ขอบคุณ​ทุกคนครับ​ ชาวเพชรบูรณ์​ที่รักทุกคน