น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบรายชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 6 คน ประกอบด้วย นายปกรณ์ นิลประพันธ์ อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า นายอุดม รัฐอมฤต อดีตโฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และคุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสหพันธ์สตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย
ด้าน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยหลังการประชุม ส.ส.พรรค ว่า ที่ประชุมมีมติเลือกบุคคลไปร่วมเป็นกมธ.วิสามัญฯ 4คน คือ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค และนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะผู้เสนอร่าง นอกจากนี้มี ตนเป็นกมธ.ดังกล่าว ในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ ตนจะนำมติดังกล่าวของพรรคประชาธิปัตย์ไปเสนอที่ประชุมวิปรัฐบาล ในวันที่ 27พ.ย.นี้ สำหรับผู้ที่ได้รับเลือกให้ไปเป็น กมธ.ชุดนี้ ที่ประชุมเห็นว่ามีความเหมาะสม เพราะเป็นอรหันต์ในเรื่องรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่าเหตุใดไม่มีชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งที่ประชุมพรรคเคยมีมติสนับสนุนให้เสนอเป็นประธานกมธ.ชุดดังกล่าว นายชินวรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงเรื่องนี้ โดยทุกคนเห็นว่านายอภิสิทธิ์เป็นคนที่มีความเหมาะสม มีความรู้ความสามารถ แต่การแต่งตั้งประธานกมธ.นี้เป็นการเลือกกันเองในคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งมีสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์น้อยกว่า และไม่มีหลักประกันว่าเมื่อเราเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์แล้วจะได้เป็นประธานกมธ.ดักล่าวหรือไม่ เพราะจะต้องอาศัยเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เมื่อไม่มีความชัดเจนตรงนี้ เราก็ไม่ควรที่จะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ไปเป็นกรรมาธิการฯ
นายชินวรณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้กำชับให้ส.ส.ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการลงมติในญัตติตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคสช.และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช. ตามมาตรา 44 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 พ.ย.นี้ เวลาประมาณ 15.00 น. จึงให้วิปแต่ละสายดูแลส.ส.ในสังกัดให้พร้อมเพรียงกันในเวลา 14.00 น. และให้ลงมติตามมติวิปรัฐบาล