ไม่พบผลการค้นหา
"สมคิด" สั่งเร่งรัด 4 โครงการลงทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่อีอีซี ย้ำต้องเกิดภายในปีนี้ เพื่อสร้างความต่อเนื่อง และสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายแนวทางการดำเนินงาน อีอีซี ปี 2563 ว่า ท่ามลางสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องผลักดันโครงการต่างๆให้เกิดความต่อเนื่อง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศ ดังนั้นจึงได้สั่งการให้เร่งรัดโครงการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่คั่งค้างทั้งหมดจะต้องแล้วเสร็จภายในปีนี้ ทั้งโครงการลงทุนสนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน เขตส่เสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรม ส่วนโครงการที่สามารถดำเนินการลงนามได้แล้ว คือ การรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ก็ขอให้เดินหน้าตามแผนงานเพื่อให้โครงการเริ่มงานก่อสร้างได้ตามที่กำหนด แม้ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นหน้าที่ตรวจสอบ แต่ก็ยังเชื่อว่าโครงการนี้จะทำให้อีอีซีกระชับมากขึ้น และเป็นประโยชน์

ทั้งนี้ได้ขอให้เน้นเรื่องพื้นที่เมืองใหม่ในจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากมมองที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่สำนักงานออฟฟิศต้องเตรียมการให้เกิดขึ้นไปพร้อมๆกัน ในส่วนที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เช่น การพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชน (EHIA) ก็ต้องทำ ไม่ต้องรอ เพราะหากเกิดขึ้นได้พร้อมกันก็จะยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามโครงการที่ปักหลักแล้วจะต้องกระจายลงไปสู่ฐานรากด้วย ทั้งภาคการเกษตร การท่องเที่ยว รวมไปถึงกลุ่มเอสเอ็มอี ดังนั้นหน่วยงานด้านการส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะบีโอไอ จะต้องกระจายกรลงทุนให้เกิดขึ้น และจะต้องดึงเอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาอีกแรง

"ในเมื่อให้เรามาขาเดียวก็จะเดินเท่าที่มี ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงแรงงาน จะต้องเป็นหน่วยงานที่จะเข้ามาช่วยดูแลเป็นหลัก ส่วน ธ.ก.ส. จะเป็นตัวเชื่อมต่อชุมชนและเอกชน ทั้งหมดที่อยู่ในแผนและค้างอยู่จะต้องเกิดภายในปีนี้" นายสมคิด กล่าว

สมคิดแถลง EEC

ด้านคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เปิดเผยว่า ในปี 2562 มูลค่าการลงทุนในอีอีซี อยู่ที่ 404,982 ล้านบาท เป็นการลงทุนจากเอกชน 391,640 ล้านบาท ขณะที่การลงทุนจากรัฐ 13,342 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 323,650 ล้านบาท และพื้นที่นอกนิคมอุตสาหกรรม 68,134 ล้านบาท