ไม่พบผลการค้นหา
ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการพูดชื่อ ‘นายกฯ สำรอง’ ขึ้นมาในปีนี้ หลังชื่อ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ถูกพูดขึ้นโดย ‘ส.ส.ฝ่ายค้าน’ ในสภา โดย ‘วิสาร เตชะธีราวัฒน์’ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่คาดว่า พล.อ.อภิรัชต์ จะเป็น นายกฯ ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้เกิดการตีความไปต่างๆ นานา ถึงขั้นลือกันไปว่าจะมี ‘รัฐประหาร’ เกิดขึ้นอีกหรือไม่ ?

ผ่านมาไม่นาน พล.อ.อภิรัชต์ ได้ออกมาปฏิเสธ โดยอ้างถึงรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 ที่ตนขาดคุณสมบัติ เพราะเป็น ผบ.ทบ. อยู่ และยังเป็น ส.ว. ด้วย ซึ่งหากจะมาเป็น นายกฯ ได้ จะต้องพ้นจากการเป็น ส.ว. ไปแล้ว 2 ปี ซึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ เกษียณอายุราชการ ใน ก.ย. 2563 และเป็น ส.ว. โดยตำแหน่งกับปลัดกลาโหม-ผบ.เหล่าทัพ

โดย พล.อ.อภิรัชต์ จะมาเป็น นายกฯ ตามกลไกรัฐธรรมนูญได้ คือ เดือน ต.ค. 2565 นั่นเอง

ไม่ว่าจะนายกฯ จะบัญชีพรรคการเมือง หรือ นายกฯคนนอก เว้นแต่มีการแก้รัฐธรรมนูญ ในเรื่องคุณสมบัติ หรือทำรัฐประหาร แล้วฉีกรัฐธรรมนุญ

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้มีท่าทีกังวลใดๆ พร้อมย้ำว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยสายสัมพันธ์ที่ยาวนานของทั้งคู่ ที่ได้เห็น ‘ฝีมือ’ จนเป็นที่ ‘ไว้วางใจ’ กันและกัน ตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. และ พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ผู้การ ร.11 รอ. ในช่วงปี2552-2553 ที่เผชิญหน้ากับกลุ่มคนเสื้อแดง 

อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ผลักดัน พล.อ.อภิรัชต์ ให้ขึ้นเป็น ผบ.พล.1 รอ. ก่อนรัฐประหาร 22พ.ค.2557 โดยคุมพื้นที่ กทม. จนได้ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นตำแหน่ง 5 เสือทบ. รวมทั้งท่าทีทางการเมืองของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ผ่านมา หลังขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ก็ชัดเจนในการเป็น ‘กองหนุน’ ให้ พล.อ.ประยุทธ์

“ก็พูดกันไป สื่อไปถามท่านรองนายกฯ (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ท่านก็ตอบว่า ‘มั้ง’ สื่อก็นำไปพาดหัวกันทุกวัน ความจริงพล.อ.ประวิตร ท่านไม่ได้พูดเช่นนั้น แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามเขาก็ต้องตอบ ถ้าไม่ตอบก็จะไปโกรธเขาอีก เรื่องนี้อย่าไปสานต่อเลย พล.อ.อภิรัชต์ เขาก็ตอบแล้วว่าความตั้งใจเขามีอย่างไร การเป็นนายกรัฐมนตรีมันเป็นได้ง่ายนักหรือไง ใครจะมาเป็น มันไม่ง่ายหรอก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ประวิตร

โดยสิ่งที่เป็นชนวนคือคำตอบของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน เมื่อสื่อถามถึงการพูดของ ‘ส.ส.วิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย’ โดย พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แถมพูดกึ่งเชียร์ว่า “ก็ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นได้ก็ดี”

จึงทำให้กระแส พล.อ.อภิรัชต์ สะพัดขึ้นมาทันที ท่ามกลางกระแสข่าวช่วงต้นสัปดาห์นี้ที่จะเกิดขึ้น ทำให้มีการโยงว่าเกี่ยวกับ พล.อ.อภิรัชต์ จะทำสิ่งใดทางการเมืองหรือไม่ เพราะในเวลานั้นข่าว พล.อ.อภิรัชต์ ยังมีกระแสอยู่ ถึงขั้นพูดกันว่าจะมี ‘รัฐประหาร’ พล.อ.ประยุทธ์ เลยทีเดียว แต่ทุกอย่างก็นิ่งลง หลัง พล.อ.อภิรัชต์ ออกมาชี้แจงว่าเป็นไปไม่ได้

“เราอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงดีกว่าว่า เป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ เพราะด้วยสถานะภาวะต่างๆ ไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะผมยังรับราชการอยู่ ผมเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามตำแหน่ง ซึ่งรัฐธรรมนูญระบุว่า ไม่สามารถเป็นไปตามข่าวได้อยู่แล้ว กรณีที่ผู้ใหญ่เอ่ยถึง เพราะมีป้อนคำถามไป ก็อาจจะเป็นคำตอบต่อเนื่อง เรื่องพวกนี้อย่าไปซีเรียสดีกว่า” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ทั้งนี้เป็นที่จับตากันถึงอนาคตว่า พล.อ.อภิรัชต์ จะเดินเข้าสู่สนามการเมืองหรือไม่ โดย พล.อ.อภิรัชต์ ตอบเพียงว่า “ผมเป็นเพื่อนกับนักการเมืองดีกว่า ผมไม่เล่นการเมือง ผมไม่เล่นกับนักการเมือง”

ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ถือว่ารู้จักกับ ‘นักการเมือง’ หลายคน เช่น ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ที่เป็นเพื่อนกันมายาวนานกว่า 30 ปี รวมทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่รู้จักมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อ ‘บิ๊กจ๊อด’ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ สมัยเป็น ผบ.สูงสุด และ ประธาน รสช. นั่นเอง

อีกทั้ง พล.อ.อภิรัชต์ เคยปรากฏอยู่ในภาพถ่ายกับ ‘เผดิมชัย สะสมทรัพย์’ อดีต ส.ส.นครปฐม พรรคเพื่อไทย เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน โดยในภาพมี พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯขณะนั้นอยู่ด้วย โดยเป็นการถ่ายภาพขณะไปตีกอล์ฟ โดยเป็นสนามของครอบครัวสะสมทรัพย์

อภิรัชต์ คงสมพงษ์

ดังนั้น พล.อ.อภิรัชต์ จึงมีความเข้าใจเรื่องการเมืองและรู้ถึงบทบาทที่ต้องใช้รับมือ จึงมีควันหลงจากการบรรยายพิเศษ ‘แผ่นดินของเราในมุมมองความมั่นคง’ หลัง กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญไปพบเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น ‘ด้านความมั่นคง’ โดย พล.อ.อภิรัชต์ ได้มอบหมายให้ พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ ผู้ช่วยผบ.ทบ. ไปเข้าพบแทน เพราะติดภารกิจตรวจเยี่ยม พล.ร.9 กาญจนบุรี

แต่ทาง กมธ. ขอให้ ผบ.ทบ. มาชี้แจงเอง จึงทำให้ต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินด่วนกลับมากรุงเทพฯ เปลี่ยนชุดบนรถ เพื่อเข้าสภา ซึ่งการพูดคุยก็ผ่านไปได้ ไม่มีดราม่าตามหลังมาเท่าใดนัก

หลังจากนั้น พล.อ.อภิรัชต์ ได้ส่งข้อความสั้นๆให้กับสื่อถึงเหตุการณ์หลังการจัดทอล์คเปรียบการเมืองไทยเป็นเหมือน ‘สลาก’ ด้วย ทำให้เกิดการตีความไปต่างๆนาๆ

“การเมืองยุคนี้ หากเปรียบเทียบกับสลากฯ การเมืองยุคใหม่เหมือนสลากกินรวบ แต่การเมืองแบบเก่าเหมือนสลากกินแบ่ง ซึ่งอาจจะมีมิตรแท้น้อย แต่ไม่มีศัตรูถาวร พูดแบบนี้ นักการเมืองเข้าใจได้ดี จะได้เลือกได้ว่าชอบแบบไหน” พล.อ.อภิรัชต์

จึงเป็นการสะกิดต่อมนักการเมืองอีกครั้ง โดยว่ากันว่า พล.อ.อภิรัชต์ ต้องการสื่อสารไปถึงพรรคการเมืองหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาภายในขณะนี้ หลังมีลูกพรรคออกมาแฉสิ่งที่เกิดขึ้นในพรรค ที่มีการรวมศูนย์สิ่งต่างๆ ไว้ที่หัวหน้าพรรคด้วย

จึงต้องจับตาบทบาท พล.อ.อภิรัชต์ ต่อไป โดยเฉพาะหลังเกษียณฯ ก.ย. 24563 ไปแล้ว ว่าจะมาสู่สนามการเมืองหรือไปอยู่ใน ‘ตำแหน่งสำคัญ’ ที่มีรองรับไว้แล้วหรือไม่ หากประเมินจากสถานการณ์ในวันนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ยังคงเป็น ‘กองหนุน’ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป และเหตุการณ์ ‘รัฐประหาร’ ก็ยังไม่มีปัจจัยเอื้อใดๆ ที่จะทำให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเกิดม็อบปูทางเช่นในอดีต 

แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือ ‘เสียงคำราม’ ของ พล.อ.อภิรัชต์ อีก 1 ปีจากนี้ไป มีอีกแน่นอน ซึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันว่า พล.อ.อภิรัชต์ พูดสิ่งใดออกมา นั่นก็คือ พล.อ.อภิรัชต์ ทำไมถึงพูดสิ่งนั้นออกมานั่นเอง !!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปริศนา ลายพราง
164Article
0Video
39Blog