ไม่พบผลการค้นหา
ปิดงาน 44 ปี 6 ตุลาฯ 'ปนัสยา' นำวางดอกไม้ จุดเทียนรำลึกวีรชนรอบเย็น ขณะที่วงเสวนา 'โบว์' แนะมองอย่างมียุทธศาสตร์ รธน.ไม่ถูกใจ 100% ต้องหาจุดยอมรับเป็นฉันทามติได้ อดีตลูกพรรค อนค. ยันคนไทยไม่ชังชาติ แต่ชังคนโหนชาติหากิน ส่วนแกนนำนักศึกษา มศว ปล่อยมุกอยากรื้อสวนรอบอนุสาวรีย์ ปชต.

เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2563 ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีการเสวนาเรื่อง “การเมืองในสายตาของคนรุ่นใหม่” เนื่องในโอกาสครบรอบ 44 ปี เหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 โดยมี โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา อดีตแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ร่วมเสวนา ในช่วงท้ายของการเสวนา ณัฏฐา ได้เรียกร้องให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากก่อนหน้านี้ กมธ.ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ทำงานมา 6 เดือน เสนอรายงานแล้ว ญัตติฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านก็ได้เข้าสภา เมื่อมีการชะลอไป ความกดดันจะไปที่ ส.ว. จะปฏิบัติตัวอย่างไร มีโอกาสที่จะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้  

ณัฏฐา ยังเชื่อว่าลึกๆในใจ ส.ว.อยากให้บ้านเมืองดีขึ้น แต่ความหมายไม่เหมือนกัน ทำอย่างไรให้ใกล้เคียงที่สุด คนส่วนใหญ่ต้องอยู่กันไปอย่างนี้ กติกาที่เอามาใช้กับทุกคนอย่างรัฐธรรมนูญไม่ถูกใจเรา ไม่ถูกใจเขา 100% ต้องหาจุดที่ทุกคนยอมรับเป็นฉันทามติได้ เมื่อเปิดประตูให้พูดคุยกันได้แล้ว จะทำให้ข้อเรียกร้องเรื่องรัฐสวัสดิการ ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน 10 ข้อ พูดกันได้เพื่อนำไปสู่การแก้กฎหมายผ่านสภา มองอย่างมียุทธศาสตร์เราก็จะค่อยๆ ได้ ถึงไม่ได้อย่างที่ต้องการ สังคมก็ยอมรับได้ บางอย่างที่เขายอมรับไม่ได้ก็ขับเคลื่อนทางความคิดไป คือสังคมประชาธิปไตย 

ไม่มีใครชังชาติ แต่เราชังคนที่โหนชาติ

ด้าน ธราธร นิลจรัสวณิช อดีตคณะทำงานจังหวัดปทุมธานี อดีตพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ว่ารุ่นพี่หลายคนสูญเสียชีวิตอิสรภาพ ประชาชนเก็บทุกอย่างเป็นบทเรียนพัฒนาต่อเพื่อก้าวสู่อนาคตที่ดีขึ้น คำกล่าวที่ว่า 'ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน' เป็นสิ่งที่นักศึกษาธรรมศาสตร์ทุกคนตั้งมั่นไว้ตลอด ธรรมศาสตร์จะต้องอยู่ข้างประชาชน อยู่ข้างความถูกต้อง

บางคนบอกวางตัวเป็นกลาง ก็เป็นการแสดงออกว่าคุณไม่ได้อยู่ข้างเรา ผู้มีอำนาจควรใส่ใจประชาชนมากกว่านี้ การผลักดันทุกอย่างเป็นสิ่งที่พูดกันมานาน อย่างรัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน เสียเลือดเสียเนื้อแล้วก็ถอยมาอยู่ที่เดิม เรื่องการผลักดันรัฐสวัสดิการ ในสังคมที่เน้นการให้สงเคราะห์ ร้องขอ พิสูจน์ความจน ไม่ใช่สังคมประชาธิปไตย เห็นหัวประชาชน ใส่ใจประชาชนบ้าง หลายคนหาว่าเราชังชาติ คนไทยทุกคนไม่มีใครชังชาติ เรารักชาติในมุมที่เราเห็น แต่เราชังคนที่โหนชาติมาหากิน 

ขณะที่ช่วงหนึ่งของการเสวนา สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ แกนนำกลุ่ม มศว คนรุ่นเปลี่ยน ซึ่งเคยจัดกิจกรรมชมสวนดอกไม้รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กล่าวติดตลกตอนหนึ่ง ทำนองว่าชมสวนเบื่อแล้ว อยากรื้อสวนและมีการอธิบายเหตุผลเพื่อเปิดพื้นที่ในการเดิน ซึ่งเรียกเสียงเฮฮาจากผู้เข้าชมงาน 

แรงตื่นตัวจากคนรุ่นใหม่

ต่อมาหลังเสร็จสิ้นการเสวนาแล้ว ในเวลา 17.20 น. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมมวลชนได้เดินมายังลานประติมานุสรณ์ 6 ต.ค. 2519 หน้าหอประชุมใหญ่ เพื่อทำการวางดอกไม้ จดหมาย และจุดเทียนรำลึกถึงวีรชน 6 ตุลาฯ โดย ปนัสยา กล่าวถึงการที่ผู้บริหาร ม.ธรรมศาสตร์ ไม่ให้ร่วมพูดในเสวนา ระบุว่าธรรมศาสตร์ เป็นพื้นที่เสรีภาพ แต่ผิดคำพูดตัวเอง

ไม่ยอมให้ตนพูดตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. 2563 แรงต่อรองของนักศึกษากับผู้บริหารไม่เท่ากันอยู่แล้ว กิจกรรมเราต้องยกเลิกไปหลายครั้งเหมือนกัน และขอขอบคุณทุกคนที่ยังยืนหยัดต่อสู้ในวันนี้มารำลึกถึงมาให้กำลังใจกันในทุกๆ ปี แสดงให้เห็นว่าความทรงจำ การต่อสู้ไม่มีใครลืม วันนี้สังเกตเยาวชนมามากขึ้นทุกปี ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนว่าอย่าท้อถอย แม้จะมีอุปสรรคมากมาย จะไม่ท้อจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยและการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เพื่อให้มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

จากนั้น นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ ได้มอบภาพวาด ปนัสยา คู่กับ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ให้ปนัสยาเป็นที่ระลึก และตัวแทนศิษย์เก่าเข้ามอบของที่ระลึก พร้อมเปิดให้มวลชนร่วมกันวางดอกไม้และจุดเทียนรำลึกวีรชนก่อนเสร็จสิ้นพิธี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง