สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดสัมมนา ASA Real Estate Forum 2019 ครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิด "Smart & Innovative Cities for all" เมืองอัจฉริยะ เมืองนวัตกรรม เมืองเพื่อทุกคน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี บรรยายหัวข้อ "อนาคตประเทศไทย อนาคตเมืองนวัตกรรมสำหรับทุกคน" ระบุถึงการเติบโตทางสังคม หรือ Organization ที่สัดส่วนประชากรสังคมเมืองจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการพัฒนาทางเทคโนโลยี ที่สามารถนำมาใช้สร้างเมืองอัจริยะหรือเมืองนวัตกรรมได้ ซึ่งต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่ในการพัฒนาเมืองอย่างน้อย 3 ด้าน คือ
1) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ทั้งทางสุขภาพ, สิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของคนในเมือง
2) เพื่อยกระดับคุณภาพบริการสาธารณะทั้งระบบขนส่งมวลชน, การบริการภาครัฐ, ด้านการศึกษาและการสาธารณสุขต่างๆ
3) ใช้เทคโนโลยีปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน หรือการมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกับกิจการสาธารณะ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า เครื่องมือทางเทคโนโลยีมีเพียงพอที่จะตอบโจทย์ความต้องการได้ แต่จะไม่มีประโยชน์เลยถ้าไม่มีกติกาที่จะใช้มันได้ พร้อมเสนอปัจจัยสำคัญ 2 ประเด็น ว่าจะใช้เทคโนโลยีมาทำให้เกิดประโยชน์กับเมืองได้อย่างไร
1.การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big data ที่ต้องกำหนดกติกาในการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ โดยวางกรอบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิ อย่างการเปิดเผยข้อมูลผู้ป่วยโดยไม่เปิดเผยชื่อ, จำนวนเด็กนักเรียนและการซื้ออาหารเชื่อมโยงกับข้อมูลภาคเกษตร, การเปิดแผนที่ทุกเมือง ที่แค่จิ้มนิ้วไปที่ที่ดินแปลงไหน ให้สามารถทราบว่าที่ดินมีสิ่งปลูกสร้างอะไร เสียภาษีเท่าไหร่ โดยไม่ต้องบอกว่าเจ้าของที่เป็นใคร ซึ่งการเปิดเผยข้อมูล นอกจากการปรับปรุงคุณภาพด้านต่างๆ แล้ว ยังเป็นการยกระดับเรื่องของความโปร่งใสด้วย
ในประเด็นนี้ นายอภิสิทธิ์ มองว่า ไทยยังยึดติดกับการจัดเก็บข้อมูลของหน่วยงานรัฐ มีกรอบคิดที่ว่าหน่วยงานราชการเท่านั้นที่ต้องเก็บรักษาข้อมูลและเป็นผู้ใช้ บนพื้นฐานของการต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างมีอำนาจเหนือข้อมูลและไม่เปิดเผยหรือให้ภาคเอกชน, หน่วยงานอื่น แม้แต่หน่วยงานรัฐด้วยกันเองเอาไปใช้ด้วย ดังนั้นจึงต้องเปิดเผยข้อมูลให้เอกชนและประชาชนเข้าถึงได้
2.การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการพัฒนาเมือง ซึ่งไม่ใช่ให้ภาครัฐและระบบราชการเป็นผู้นำอย่างที่ผ่านมา โดยนอกจากการเข้าถึงข้อมูลแล้ว จะต้องกำหนดกติกาใหม่เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนกับภาครัฐ ตลอดจนการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยี เพื่อการตรวจสอบและการมีส่วนร่วมในทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้มีการพูดถึงยุคดิจิทัลหรือยุค 4.0 แต่บางทีเหมือนยังสับสนว่า บทบาทไหนควรเป็นของรัฐหรือของเอกชนที่รัฐและหน่วยงานราชการไม่ต้องมาทำในโครงการที่เอกชนทำได้ โดยที่รัฐไม่ต้องคิดแข่งขันหรือคิดแทนภาคเอกชน แต่สิ่งที่ภาครัฐมีและทำได้คือ การเป็นเจ้าของข้อมูลและเป็นผู้กำหนดกติกาการใช้ข้อมูล รวมถึงการเปิดโอกาสให้คนทำงานร่วมกับรัฐ ซึ่งจะเป็นกุญแจที่จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง ทำให้เมืองเป็นเมืองอัจฉริยะเมืองนวัตกรรมต่อไปในอนาคตได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนการเริ่มบรรยายนายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า "จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร" อย่างแน่นอน แม้หลายฝ่ายสนับสนุนและยังสงสัยอยู่ ขณะที่สื่อมวลชนต่างรอสัมภาษณ์นายอภิสิทธิ์ก่อนเริ่มงานและหลังการบรรยายเสร็จสิ้น แต่นายอภิสิทธิ์ หลบเลี่ยงโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ทั้งก่อนและหลังเสร็จสิ้นการบรรยาย