ไม่พบผลการค้นหา
สติธร ธนานิธิโชติ วิเคราะห์สถานการณ์จริง ปัจจัยที่อาจเกิดขึ้นได้ หากพรรคร่วม 8 พรรคจับมือแน่น แล้วรอ 10 เดือนค่อยโหวตนายกฯ ตอนที่ส.ว.ชุดนี้หมดวาระ ยุบพรรคก้าวไกลมีความเป็นไปได้ แต่อาจไม่ต้องคำนวณ เขาจะยุบสถานการณ์ไหนก็ยุบ แต่ประยุทธ์ยิ้ม รักษาการยาวโดยไม่นับเวลา และยังเหลือโควตานายกฯ อีก 2 ปีถ้าได้กลับมาเป็น ตามที่ศาลรธน.ตีความ 8 ปีไว้ หากเพื่อไทยยอมจับมือแน่น รัฐบาลเสียงข้างน้อยและการดูดงูเห่ามีโอกาสเกิดแม้ต้นทุนจะสูงมาก เรียกว่า ต้องวัดใจกัน

ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งจบไปกว่า 2 เดือนแล้ว แต่ยังการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่เป็นผล เหตุเกิดจากเดทล็อคทางการเมือง คือ 1.ส.ว.ที่โหวตคว่ำแคนดิเดตนายกฯ ไปแล้วครั้งหนึ่ง 2. พรรคขั้วรัฐบาลเดิม ที่ ‘ปิดตาย’ ความพยายามหาทางเลือกเพิ่มเสียงพรรคร่วม เพื่อฝ่าด่าน ส.ว.

ความโกรธแค้นของประชาชนพุ่งสูงอย่างยิ่ง หันซ้ายก็ตีบ หันขวาก็ตัน สำหรับการต่อสู้ในระบบรัฐสภาที่อยู่บนกติกาบิดเบี้ยว จนกระทั่งมีข้อเรียกร้องให้สู้ในยุทธ์ศาสตร์ ‘รอ 10 เดือน’ เพื่อให้ ส.ว.ชุดนี้หมดวาระในวันที่ 11 พ.ค.2567 พร้อมกับบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ ส.ว.250 คนมาร่วมโหวตนายกฯ ด้วย กลับสู่สภาวะโหวตนายกฯ โดยสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ ซึ่ง 312 จาก 500 ซึ่งย่อมสามารถจัดตั้งรัฐบาลตามผลการเลือกตั้งได้

อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ยังคงอยู่บนปัจจัยซึ่งประชาชนควบคุมไม่ได้อีกจำนวนหนึ่งและอาจต้องเตรียมคิด เตรียมความพร้อมไว้สำหรับเงื่อนไขเหล่านี้

‘วอยซ์’ พูดคุยกับ ‘ดร.สติธร ธนานิธิโชติ’ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งมีความเห็นสุดท้ายที่ยังสนับสนุนให้ประชาชนยื้อเวลาให้ถอดยาว และอาจหาทางออกได้ก่อน 10 เดือน แต่ก็อธิบาย ‘ขวากหนาม’ ที่จะเกิดระหว่างทางด้วยเช่นกัน


10 เดือน ราชการบริหารแบบรูทีนเป็นไปได้

สติธรกล่าวว่า แนวทางการรอ 10 เดือนเป็นไปได้ ถ้าจะแข็งแล้วตั้งหน้าตั้งตารอกันไป บางคนอาจกังวลว่าการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลรักษาการณ์ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะออกมาเป็นอย่างไร ประเด็นนี้หากจะกังวลก็กังวลไป แต่ส่วนตัวมองว่าการบริหารบ้านเมืองตอนนี้ยังไม่ได้น่ากังวลขนาดนั้น เราล็อกดาวน์ประเทศมาบ่อยแล้ว น้ำท่วมก็ล็อก โควิดก็ล็อก ล็อกแล้วล็อกอีก ระบบราชการบ้านเราทำรูทีน 70-80% และรัฐบาลรักษาการณ์แม้จะมีข้อจำกัดตามกฎหมาย ก็ยังมีช่องให้ทำงานได้ บางเรื่องก็สามารถไปขออนุญาต กกต. ได้หากเป็นเรื่องเร่งด่วน


ถ้าเขาจะยุบพรรคอยู่ไหนก็ยุบ - ประยุทธ์ยังเป็นนายกฯ ได้อีก 2 ปี

สติธรกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องความกังวลเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญอาจยุบพรรคก้าวไกล อันนั้นไม่ต้องรอ 10 เดือนก็ยุบได้ ไม่ต้องไปกังวล เรื่องยุบพรรคหรือเรื่องตัดสิทธิ์คุณพิธา เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน อย่าคิดว่าต่อให้เรายอมแพ้ไปเป็นฝ่ายค้านแล้วเขาจะปราณี

“คือต่อให้ฝั่งเขาตั้งรัฐบาลได้ เขาก็ยังตัดสิทธิ์คุณพิธาได้ แล้วก็ยุบพรรคก้าวไกลได้จากคดีที่มีในมือ ไม่ได้เกี่ยวกับรอหรือไม่รอ 10 เดือน ถ้าเขาจะฟันก็ฟันอยู่ดี ทั้งกรณีคุณพิธาและพรรคก้าวไกล สิ่งที่ผมกังวลจริงๆ คือ สมมติรอไป 10 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งไม่ได้แปลว่าฝ่ายเรายินดีปรีดาแล้วรอตั้งรัฐบาลกันไป แล้วเราจะแฮปปี้อยู่ฝ่ายเดียว จริงๆ ลุงตู่ก็แฮปปี้นะ เพราะแกก็เป็นรัฐบาลรักษาการณ์ ยังเป็นนายกฯ จนถึงปีหน้า โดยไม่นับอายุตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วย แปลว่าถ้าแกกลับมาเป็นนายกฯ ตัวจริงได้เมื่อไร แกยังเป็นได้อีก 2 ปีตามรัฐธรรมนูญนะ พลเอกประยุทธ์เขาแฮปปี้ด้วย เขาไม่ได้กังวลหรอกถ้าเราจะรอ”

“แล้วที่สำคัญคือ หากเรารอเสร็จ เขาค่อยตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยตอนท้ายๆ ก็ได้ นี่คือความกังวลสูงสุด หากเรารอไปแล้ว สุดท้ายเราก็ไม่ได้ตั้งรัฐบาล พอใกล้ๆ ช่วง สว. หมดอายุ ตอนสุดท้ายก่อนที่เขาจะสั่งลา เขาก็ชวนกันโหวตนายกฯ แล้วเขาก็โหวตให้ฝั่งเสียงข้างน้อย 188 ที่นั่ง ไอ้เราก็รอเก้อไป เพราะการที่เขาเสี่ยงตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เขาอาจจะอยู่แป็บเดียวแล้วยุบสภาไง แล้วเขาก็ไปวัดใจกันใหม่ว่าผลเลือกตั้งจะออกมายังไง”

“การรอก็อาจไร้ความหมายไปเลย ดังนั้น ถ้าแข็งใจรอก็รอกันไปเถอะ ไม่เป็นไร เพราะว่าถ้าเขาตั้งรัฐบาลกันได้ ข้ามขั้วกันไปก็ต้องรออีก 4 ปี แต่ถ้าเลือกรออย่างนี้ เต็มที่ก็ไปลุ้นกันปีหน้า ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยกันแป๊บนึง สุดท้ายก็ได้เลือกตั้งใหม่”


รัฐบาลเสียงข้างน้อยจ่ายแพง แต่เป็นไปได้ ถ้าเพื่อไทยดื้อ

“หรือถ้าเขาทนไม่ไหวจริงๆ หากมันยากนักที่จะให้เพื่อไทยข้ามขั้วไปตั้งรัฐบาล เขาก็ไม่รอเพื่อไทยแล้ว แล้วก็อาจจะหาใครก็ได้ อาจเป็นคุณอนุทิน ลุงป้อม เพื่อตั้งรัฐบาล 188 เสียงไปก่อน แล้วก็ค่อยดูดงูเห่ากัน วิธีการนี้ผมมองว่ามันยังอยู่ในใจของพวกเขา เพราะมันยังเป็นไปได้ เพียงแค่ต้นทุนมันสูงเฉยๆ เขาเลยยังไม่อยากทำตอนนี้ ประหยัดได้ก็ประหยัดไปก่อน งูเห่ามันแพง มันมีวิธีการที่ถูกกว่านั้น เพียงแค่ถ้าไม่มีกระแสต่อต้านอย่างที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ก็เสร็จเขาไปแล้ว”

“ถึงที่สุดจริงๆ ไม่ไหวจริงๆ เขาก็ต้องยอมลงทุน ประเมินยากเหมือนกันว่าเมื่อไหร่ ตัวแปรสำคัญคือเพื่อไทย เพราะก้าวไกลเขารอได้อยู่แล้ว เขาไม่มีอะไรจะเสีย ส่วนเพื่อไทยเดิมพันสูงกว่า แต่ว่าอาจจะรอไม่ได้ ถ้าเขาประเมินว่าเพื่อไทยเกิดรอได้ขึ้นมาก็อาจเกิดปฏิบัติการล่างู ดังนั้นเขาต้องประเมินจากขั้วเพื่อไทยว่าไหวไหม”

“ถ้าจะรอก็รอไปเถอะ เพราะเราก็เชื่อว่า เขาอาจจะรอไม่ไหวเหมือนเราก็ได้ มันคือการวัดใจกัน ใครอดทนกว่า” สติธรกล่าว