ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี เปิดประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ซีอีโอ ฟอรั่ม ชี้โลกเปลี่ยนแปลง ประเทศสมาชิกต้องปรับตัว โดยเฉพาะการเกษตร ซึ่งต้องนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจยั่งยืน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมการประชุมสุดยอดผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ แอคเมคส์ (ACMECS) โดยในวันนี้เป็นการประชุมแอคเมคส์ ซีอีโอ ฟอรั่ม สำหรับภาคธุรกิจระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการเงิน จากทั้งสมาชิกแอคเมคส์ และหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ภายใต้หัวข้อ 'เสริมสร้างความเชื่อมโยงทุกมิติ เพื่ออนาคตร่วมกันของสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง' โดยนายกรัฐมนตรี พร้อมอูวินมยิน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กล่าวเปิดการประชุมร่วมกัน

VTK_6175_resize.JPG

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โลกมีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และภูมิรัฐศาสตร์ ประเทศสมาชิกแอคเมคส์จึงต้องปรับตัวและปฏิรูป โดยเฉพาะด้านการเกษตรที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศสมาชิก ในปีนี้จึงเกิดแผนแม่บทแอคเมคส์ขึ้น เพื่อปรับโครงสร้างและจัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงไร้รอยต่อ ซึ่งภาคเอกชนถือเป็นส่วนสำคัญในแผนแม่บทนี้ เพราะเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมแนะ 3 วิธีทำให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน คือ ภาคเอกชนต้องร่วมมือกับกับภาครัฐในทุกขั้นตอน ในรูปแบบความร่วมมือรัฐ-เอกชน หรือ พีพีพี 

ขณะที่ ภาคเอกชนต้องเพิ่มบทบาทและเตรียมพร้อมแอคเมคส์ให้พร้อมรับมือกับเศรษฐกิจโลก และเทคโนโลยี ให้เป็นสมาร์ทแอคเมคส์ ซึ่งไทยพร้อมให้ความร่วมมือพัฒนาเกษตรกรยุคใหม่ หรือ สมาร์ทฟาร์มเมอร์ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย รวมทั้งสตาร์ทอัพ และภาคเอกชนต้องร่วมมือกันพัฒนาเศรษฐกิจแบบให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ และเจริญเติบโตไปพร้อมกัน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีจึงได้กล่าวเชิญชวน ภาคเอกชนให้ร่วมกำหนดเป้าหมายเร่งด่วนในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และนวัตกรรม รวมถึงแจ้งความต้องการให้ภาครัฐช่วยอำนวยความสะดวก หรือปรับเปลี่ยนกฎระเบียบให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ด้านสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาดำเนินนโยบายสอดประสานกับแผนแม่บทแอคเมคส์ปี 2562 - 2566 ที่ผู้นำจะได้ลงนามในการประชุมแอคเมคส์ซัมมิทครั้งที่ 8 ว่า ในระยะ 20 ปีที่ผ่านมา กัมพูชามีอัตราการเติบโตของประเทศร้อยละ 7 มียกระดับเป็นประเทศกำลังพัฒนาระดับกลางในปี 2573 และประเทศกำลังพัฒนาระดับสูงในปี 2593 โดยขณะนี้รัฐบาลกัมพูชาได้เพิ่มอำนวยความสะดวกด้านการค้าศุลกากรทั้งทางบก และท่าเรือ เพื่อเร่งรัดการส่งออกและนำเข้าสินค้า ตามแม่บทแอคเมคส์บทระยะกลาง รวมทั้งลงทุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานภายในอนุภูมิภาคแอคเมคส์ 

นอกจากนี้ กัมพูชายังขยายและยกระดับท่าเรือสีหนุวิลล์ให้มีความลึก 14 เมตร เพื่ออำนวยความสะดวกเรือสินค้าไปสู่ทางเรือน้ำลึกให้เสร็จในเร็วนี้ อีกทั้งยังทบทวนการปรับภาษีไฟฟ้า เพื่อดึงดูดการลงทุนภายในปีหน้า (ปี2562) และรักษามาตรฐานคุณภาพการจ่ายไฟ สร้างความมั่นใจแก่ภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงรัฐบาลกัมพูชาอยู่ระหว่างก่อตั้งธนาคาร SMEs เพื่อตอบสนองนักลงทุนตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ปรับภาษีภายในประเทศ ดึงดูเทคโนโลยีและเครื่องจักรสมัยใหม่ รวมถึงสร้างเศรษฐกิจดิจิตอล

ส่วน อู วีน-มยิน ประธานาธิบดีเมียนมา กล่าวว่า รัฐบาลเมียนมาได้ประกาศใช้นโยบายพีพีพี มุ่งให้เกิดการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจระหว่างรัฐกับภาคเอกชนในและต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศที่มีการเชื่อมโยงกับไทยที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคอาเซียน โดยหวังว่า ความมั่นคงและสันติภาพของแอคเมคส์ จะส่งผลต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มภูมิภาคแอคเมคส์ให้ก้าวหน้า

สำหรับการประชุมแอคเมคส์ ประเทศไทยเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นในปี 2546 ไทยเองได้เป็นเจ้าภาพแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2548 และครั้งที่สองคือปีนี้ โดยจะจัดประชุมทุก 2 ปี มีกลุ่มประเทศสมาชิกที่อยู่ลุ่มแม่น้ำอิรวดี แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำโขงมาประชุมร่วมกัน เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกันระหว่างประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะในด้านโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจ เช่น การสร้างทางรถไฟและสะพานข้ามแม่น้ำระหว่างประเทศ รวมถึงโครงการขอวีซ่า 1 ประเทศ แต่เที่ยวได้ 5 ประเทศที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ

ข่าวเกี่ยวข้อง :