ไม่พบผลการค้นหา
"วีระ" จี้ ปทส.เร่งคดี "ปารีณา" ระบุ สังคมรู้ได้มีการแทรกแซงคดีจากผู้มีอำนาจ สั่งรวมคดีเพื่อประวิงเวลา เผย "ศรีวราห์" นั่งหัวโต๊ะสั่งเอง พร้อมยืนยัน หากปล่อยให้ตำรวจท้องที่ดำเนินการ เรื่องต้องขึ้นสู่ศาลแล้ว

ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในคดีที่นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ บุกรุกครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.และ ที่ดินกรมป่าไม้ 

นายวีระ ระบุถึง ความล่าช้าในการเอาผิดนางสาวปารีณา ทั้งที่คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนอะไร ซึ่งหากปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่มีการกระทำความผิด ทางสถานีตำรวจภูธร หรือ สภ. จอมบึง และ สภ.สวนผึ้ง ในคดีของพ่อนางสาวปารีณา ดำเนินการตามขั้นตอนโดยไม่มีการแทรกแซงจากผู้มีอำนาจ ก็จะสามารถส่งฟ้องต่อศาลได้แล้ว ดังที่มีการดำเนินคดีอย่างรวดเร็วกับ "ตาสีตาสา" มาแล้วจำนวนมาก

เมื่อถามว่า จากคดีที่ยืดเยื้อด้วยการรวมสำนวน เป็นการประวิงเวลา หรือไม่ นายวีระ กล่าวว่า ทุกคนสามารถพิจารณาดูได้ว่ามีการประวิงเวลาหรือไม่ ที่สำคัญการรวมคดีไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้าภาครัฐได้ประโยชน์ แต่กรณีนี้ชัดเจนว่า ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการรวมคดีซึ่งเป็นการประวิงเวลาด้วยนั้น นางสาวปารีณา ที่เป็นผู้กระทำผิดได้ประโยชน์ไม่ใช่ภาครัฐ

เมื่อย้อนถามว่า มีผู้มีอำนาจแทรกแซงคดีและประวิงเวลาหรือไม่ นายวีระ เปิดเผยว่า มีการประชุมหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562 ที่ ปทส.แห่งนี้ โดยมีพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมและสั่งให้ท้องที่ยุติการทำคดีและส่งเรื่องให้ส่วนกลาง ทำให้วันที่ 6 ธันวาคม 2562 สภ.สวนผึ้ง และ สภ.จอมบึงได้ยุติ การทำคดีดังกล่าว ก่อนที่มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ให้ ปทส. เป็นผู้ดูแลและดำเนินคดี ต้นจึงต้องมาทวงถามความคืบหน้ากับ ปทส.ในวันนี้ พร้อมทั้งต้องการให้ปากคำเพิ่มเติมและนำหลักฐาน โดยเฉพาะคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับคดีลักษณะนี้ มายื่นให้ ปทส.เพิ่มเติมด้วย 

เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน กล่าวด้วยว่า คดีของนางสาวปารีณา ไม่ได้ยุติที่นางสาวปารีณาและพ่อของนางสาวปารีณาเท่านั้น แต่ยังจะต้องเอาผิดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งไฟฟ้า ปะปาและการทำถนน ที่ปล่อยให้มีการรุกล้ำที่ดินรัฐ รวมถึงกรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มาเป็นสิบๆ ปี

นอกจากนี้ ในส่วนของนางสาวปารีณา ไม่เพียงแต่ต้องถูกดำเนินคดีอาญาเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ซึ่งมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้อยู่ด้วย ตามที่ตนได้แจ้งความไว้แล้วกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่

ฟันธง รัฐบาลอุ้ม "ปารีณา"

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ให้สัมภาษณ์หลังสอบความคืบหน้าคดีที่นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ บุกรุกครอบครองที่ดินรัฐ ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ว่าตั้งใจมาให้ปากคำเพิ่มเติมและนำหลักฐาน คือคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่คล้ายคลึงกันมายื่นเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากทราบว่า ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งวันที่ 4 มกราคม 2563 ให้ ปทส.ดูแลคดีนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า เพิ่งได้รับคำสั่งดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563 แต่ยังไม่มีสำนวนคดีส่งมาให้ด้วย ซึ่งสะท้อนการทำงานที่ล่าช้าของระบบราชการได้อย่างชัดเจน

อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจของ ปทส.ที่จะดูแลคดีนี้ ยังไม่มีคำสั่งแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ กล่าวกับตนว่า ทางไปสอบสวนไม่สนใจคำพิพากษาศาลฎีกา เพราะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยจะเน้นดูพยานหลักฐานและคำให้การต่าง ๆเป็นสำคัญ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตนอย่างมาก เพราะหากไม่ยึดคำสั่งศาลฎีกา ซึ่งเนื้อหาและลักษณะคดียังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็จะไม่มีหลักยึดในการทำคดี

นายวีระ ย้ำด้วยว่า คดีนี้ผู้มีอำนาจซึ่งก็คือรัฐบาล พยายามช่วยเหลือหรืออุ้มนางสาวปารีณาอย่างแน่นอน ซึ่งสังคมต่างรับรู้และกระทบความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลแน่นอน และหากคดีนี้สิ้นสุดลงโดยนางสาวปารีณาไม่ติดคุก จะทำให้เกิดปัญหาในอนาคต ซึ่งชาวบ้านจะยึดเป็นแบบอย่างในการบุกรุกที่ดินรัฐโดยไม่มีความผิด หรือหากทางการจับได้ก็คืนที่ดินให้แล้วก็ไม่มีความผิดด้วยเช่นกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับคดีอย่างไม่หวาดไม่ไหว พร้อมกันนี้เรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรม อย่า ตกเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจที่คิดจะอุ้ม นางสาวปารีณา เพราะ จะทำให้ประชาชนหมดความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม

นายวีระ กล่าวด้วยว่า ผู้มีอำนาจอยากทำอะไรก็ทำไป แต่ตนจะไม่ท้อและไม่หยุด ในการนำคนผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยในสัปดาห์หน้า จะมาให้การเพิ่มเติมและทวงถามคดีนี้กับ ปทส.อีก ซึ่งคาดว่าสำนวนคดีจะมาถึง ปทส.แล้วในตอนนั้น



ข่าวที่เกี่ยวข้อง :