ไม่พบผลการค้นหา
เจ้าของสวนเกษตร จ.กาฬสินธุ์ ร้องศูนย์ดำรงธรรม ขอความช่วยเหลือ หลังเจ้าหน้าที่ กยศ. โทรทวงหนี้ ยืนยันชำระเงินหมดแล้ว แต่หาหลักฐานไม่พบ เพราะนานกว่า 10 ปี เชื่อข้อมูลคลาดเคลื่อน เพราะไม่ได้ทำงานเป็นพนักงานบริษัทตามที่จดหมายระบุ

ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ จิตตานันท์ สุริยะพงษ์ธร อายุ 47 ปี เข้าพบ สุวิศิษฐ์ จำนงพันธ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอความเป็นธรรมและขอคำปรึกษา หลังได้รับหนังสือแจ้งการชำระหนี้เงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)

จิตตานันท์ กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือทวงหนี้จาก กยศ. ทำให้คนในครอบครัวรู้สึกเครียดมาก เนื่องจากจ่ายชำระและปิดบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2553 โดยไปดำเนินการเองที่ธนาคารกรุงไทย สาขาสามพราน จังหวัดนครปฐม ทั้งนี้หลังจากได้รับหนังสือแจ้งทวง ได้พยายามโทรติดต่อกับทางธนาคารกรุงไทยและ กยศ.ตลอด แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าหรือได้ข้อมูลใหม่เพิ่มเติม นอกจากจะบอกให้หาใบเสร็จ เมื่อครั้งชำระปิดบัญชีเงินกู้ กยศ.ไปยืนยัน แต่ตนไม่สามารถหาพบได้ เพราะเวลาผ่านมานานถึง 10 ปีแล้ว

จิตตานันท์ กล่าวอีกว่า เมื่อตกอยู่ในสภาพนี้ก็เหมือนหมดสิ้นหนทาง ที่จะหาหลักฐานไปหักล้างได้ เพราะทางธนาคารและ กยศ. ยืนยันว่าเช็กในระบบพบข้อมูลได้แค่นั้นว่า มีประวัติโอนเงินชำระในปี 2553 เพียง 2 ครั้ง คือวันที่ 14 กรกฎาคม 2553 จำนวน 990 บาท และวันที่ 14 ตุลาคม 2553 จำนวน 3,000 บาท โดยเป็นการโอนเงินเข้าเวลาประมาณ 24.00 น. ยืนยันว่าไม่เคยทำธุรกรรมทางการเงินในเวลาดังกล่าว

ส่วนการชำระปิดบัญชีจำนวน 24,000 บาท ใบยืนยันการจ่ายหายไป เมื่อทางต้นทางไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงเข้ามาขอคำปรึกษากับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอยางตลาด ช่วยประสานและขอให้ทางธนาคารและ กยศ.ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง

ด้าน สุวิศิษฐ์ กล่าวว่า จากการสอบถามความเป็นมากับจิตตานันท์และประสานทางโทรศัพท์กับธนาคารกรุงไทย สาขาสามพรานและ กยศ. ได้ข้อมูลเดียวกันกับที่ จิตตานันท์ทราบมา โดยระบุหนี้คงเหลือ 34,500.09 บาท เป็นเงินค้างชำระ 20,030.43  บาท ดอกเบี้ย 1,929.27 บาท และเบี้ยปรับ 12,540.39 บาท หากนางจิตตานันท์มั่นใจว่าได้ชำระและปิดบัญชีเงินกู้ กยศ.หมดแล้ว ให้นำใบเสร็จไปยืนยัน

สุวิศิษฐ์ กล่าวว่า เมื่อได้รับคำตอบอย่างนี้ สิ่งที่จะคลี่คลายปัญหาได้ก็คือนางจิตตานันท์ต้องไปค้นหาใบเสร็จดังกล่าวให้พบ เพราะทางธนาคารและ กยศ. ยืนยันมาว่าในระบบตรวจสอบได้แค่นั้น ทั้งนี้ ข้อขัดแย้งใดๆ จะยุติลงได้ ก็ต้องอาศัยหลักฐานเป็นเครื่องพิสูจน์ ในกรณีนี้ก็เช่นกัน จึงได้แนะนำให้นางจิตตานันท์ใช้ความพยายามหาใบเสร็จให้พบ

ขณะเดียวกันก็ขอให้ทางธนาคารและ กยศ.เข้าตรวจสอบข้อมูลในระบบอีกที และในช่วงนี้ก็ให้โอกาสกันและกัน อย่าเพิ่งเร่งรัดหนี้ค้างชำระ คิดว่าน่าจะจบลงด้วยดี ซึ่งหากถึงที่สุดจริงๆ จิตตานันท์ บอกว่ายินดีจะชำระตามใบทวงหนี้ แต่ขอโอกาสสักระยะในการหาหลักฐาน

ทั้งนี้ล่าสุดมีรายงานว่า นางจิตตานันท์ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ กยศ.ว่า สาเหตุที่มีหนังสือแจ้งการชำระหนี้เงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ด้วยวิธีการหักเงินเดือนนั้น เนื่องจากตรวจสอบในระบบพบว่าปัจจุบันนางจิตตานันท์ สุริยะพงษ์ธร เป็นพนักงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ทาง กยศ.จึงได้มีหนังสือแจ้งชำระหนี้ให้ทราบ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ระหว่าง กยศ.กับผู้กู้

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับแจ้งดังกล่าว ทำให้จิตตานันท์รู้สึกโล่งใจ และมั่นใจว่าข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อน เนื่องจากตนทำการเกษตรอยู่ที่บ้านโคกแง้ ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ และในห้วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยทำงานหรือเป็นลูกจ้างบริษัทใดเลย อาจจะเป็นไปได้ว่าชื่อและนามสกุลของตนไปตรงกันกับคนอื่น จึงได้รับหนังสือทวงหนี้ กยศ.ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องกราบวิงวอนให้ทาง กยศ.และธนาคาร ตรวจสอบอย่างละเอียดให้มากๆ ซึ่งรอคำตอบผลการตรวจสอบอยู่ และยังยืนยันว่าได้ชำระปิดบัญชีเงินกู้ กยศ.ตั้งแต่ปี 2553 แล้วจริงๆ