ไม่พบผลการค้นหา
'วัฒนา' ขึ้นศาล 'คดีบ้านเอื้ออาทร' เตรียมยื่นอุทธรณ์ประกันตัว หากศาลฎีกาพิพากษาจำคุก หวัง ส.ว.คืนอำนาจประชาชน โหวตแก้ รธน.นำประเทศออกจากวังวนความขัดแย้ง

วัฒนา เมืองสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ารับฟังการพิจารณา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีกล่าวหาทุจริตดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทร หมายเลขดำ อม.42/2561 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง วัฒนา กับพวกรวม 14 ราย 

วัฒนา ระบุว่า คดีนี้ตนต่อสู้มาแล้ว 14 ปี ผ่านการรัฐประหาร 2 ครั้ง ได้มา 10 คดีและคดีนี้เป็นคดีสุดท้าย แม้ว่าคดีนี้ไม่มีความซับซ้อน แต่มีพิรุธในทุกขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมเผชิญหน้าตามกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอน เพราะตนเชื่อในสิ่งที่ตนทำว่ามันเป็นประโยชน์และถูกต้อง เพราะคดีนี้ตามรายงานของ ป.ป.ช.ก็ระบุว่าทุกอย่างมันถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการอนุมัติโครงการหรือการดำเนินโครงการ ที่ไม่ได้มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด ทั้งในส่วนของตนและเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะอัยการก็บอกเองว่าในคดีไม่สามารถหาหลักฐานว่าตนเกี่ยวข้อง 

วันนี้หากมีคำพิพากษาสั่งจำคุก อยากฝากให้มีการผลักดันรัฐธรรมนูญ อยากให้คืนอำนาจให้ประชาชน บ้านเมืองนี้จะได้หมดยุคใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ และหลักนิติธรรมจะกลับคืนมา ในส่วนของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อยากให้มองว่าการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกติกาบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ชอบธรรม และไม่ใช่การตีเช็กเปล่าอย่างที่ ส.ว.บอก ถ้าไม่เห็นควรก็ไม่ต้องรับหรือทำประชามติให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน มันไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ หรือไม่ต้องหวงอำนาจ อยากให้มาช่วยกันเอาประเทศออกจากวังวนความขัดแย้ง 

"ผมเข้าใจดีว่าบ้านเมืองไม่เป็นหลักนิติธรรม มันเป็นยังไง ผมรณรงค์ไม่ให้รับ รธน.ฉบับนี้ถูกอุ้มถูกขัง ถูกยัดคดีไม่รู้กี่ที คดีนี้เป็นคดีสุดท้ายแล้วไม่รู้จะออกยังไงก็สู้กันต่อ" วัฒนา กล่าว

สำหรับคดีดังกล่าวมีการแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157, ฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11 และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 91

สำหรับคดีนี้เริ่มมีการพิจารณาไต่สวนพยานในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2562 โดยจำเลยได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาล ส่วนจำเลยที่ถูกจำคุกในคดีข้าวจีทูจี ถูกเบิกตัวจากเรือนจำมาศาล สำหรับคดีนี้มีจำเลยที่ 6-7,10-12 หลบหนีคดี ศาลได้ออกหมายจับไว้แล้ว

สำหรับรายชื่อจำเลยทั้ง 14 ราย ประกอบด้วย 1. วัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พม., 2.มานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตบอร์ด กคช. และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการระหว่างวันที่ 9 ก.ย. 2548 – 19 ก.ย. 2549, 3. พรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีต ผอ.ฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจก่อสร้างที่พักอาศัย,

4.อภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่, 5.รัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง, 6.กรองทอง วงศ์แก้ว พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด, 7.รุ่งเรือง ขุนปัญญา พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์ฯ, 8.บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยนายปกรณ์ อัศวีนารักษ์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน, 9.บริษัท ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ไทย เฉน หยู อินเตอร์เนชั่นแนลคอนสตรัคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) โดยนางพิมพ์วรา รัชต์ธนโรจน์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน, 

10.อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หรือกี้ร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย, 11.บริษัท พาสทิญ่าไทย จำกัด, 12.บริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย, 13.บริษัท พรินซิพเทค ไทย จำกัด ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง และ 14.สุภาวิดา คงสุข กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน บริษัท ไทยเฉนหยูฯ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง