ไม่พบผลการค้นหา
‘ประธานศาล รธน.’ ยืนยันชี้ชะตา 'ก้าวไกล' ไม่ทัน เม.ย.นี้ - หลัง พรรคขอขยายส่งคำแก้ข้อกล่าวหา 15 วัน - ยินดีรับคำวิจารณ์ แต่ต้องไม่หยาบ เหยียดหยาม - ชี้รูปคดี-ตัวแสดงต่างจากคดี 'ไทยรักษาชาติ'

นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวภายหลังการประชุมวิชาการประจำปี เนื่องในโอกาส 26 ปี แห่งการสถาปนาศาลรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่า ตลอด 26 ปีที่ผ่านมา ปฏิบัติหน้าที่ได้บรรลุวัตถุประสงค์พอสมควรระดับหนึ่ง ประเทศไทยเรามีรัฐธรรมนูญ 2540 2550 2557 2560 แม้จะเปลี่ยนแปลงไปบ้างเมื่อมีวิกฤตการของบ้านเมือง แต่กติกาและโครงสร้างทางการเมืองยังเหมือนเดิม ไม่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก เช่นเดียวกับ อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระอื่นๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป อำนาจบางอย่างหายไปบ้าง เช่น อำนาจการยุบพรรคการเมืองของศาลฯ กรณีที่ไม่ส่งบัญชีรายรับ-รายจ่ายประจำปี แต่ไม่มีผลกระทบ และมีอำนาจให้ประชาชนเพิ่มขึ้น เช่น การร้องโดยตรงถึงศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นอำนาจใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ 2560

ส่วนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่หลายครั้งถูกสังคมและนักวิชาการวิพากษณ์วิจารณ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ความจริงการถูกวิพากษ์วิจารณ์ เป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่วิจารณ์แล้วทำให้บ้านเมืองสงบรึเปล่า และเป็นที่ยอมรับ บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งปัญหาไม่ได้ขึ้นอยู่กับการวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเป็นเรื่องจำเป็น และตนเองก็ยินดีที่ได้รับวิจารณ์จากนักวิชาการ องค์กรต่างๆ และพรรคการเมือง เขาก็วิจารณ์กันเต็มที่ แต่ข้อสำคัญคือขอให้เป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต อย่าใช้คำหยาบคาย อย่าดูถูกเหยียดหยามองค์กรตุลาการ เพราะว่ามีโทษตามกฎหมายอยู่

ส่วนหลังจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยคดีสำคัญทางการเมือง ซึ่งจะมีแรงกระแทกจากสังคมกลับมายังศาลรัฐธรรมนูญอีกนั้น ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ยอมรับว่า เป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ และอีกมุมหนึ่ง ก็แสดงให้เห็นว่า ศาลฯ เป็นที่ยอมรับ เพราะข้อขัดแย้งทางการเมืองไม่ได้ลดลง แค่ปัญหาคือมีข้อขัดแย้งทางการเมืองแล้วจะแก้ปัญหากันอย่างไร ซึ่งหากพรรคการเมืองสามารถตกลง เจรจากันได้ในสภา คดีก็จะไม่มาถึงศาล จบที่สภาดีกว่า แต่เมื่อตกลงกันไม่ได้ ตัดสินใจยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา จึงแสดงให้เห็นว่า ศาลฯ เป็นที่พึ่ง และศาลฯ ก็พร้อมรับฟังข้อโต้แย้งของทั้ง 2 ฝ่าย และพิจารณาตามข้อกฎหมาย แล้วจึงตัดสินใจ

ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าศาลมีธงในการวินิจฉัยจะทำให้ประชาชนเข้าใจได้อย่างไร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า เรื่องที่ขึ้นมาศาลจะออกได้สองหน้าเท่านั้น มันมีออกซ้ายกับขวาไม่มีออกกลาง ตนอยู่มหาวิทยาลัยสอนหนังสือลูกศิษย์ตอบคำถามได้ 4-5 ทางก็ได้ใครให้เหตุผลดีก็ให้คะแนนทั้งหมด แต่มาศาลมันไม่ใช่ มันออกได้ด้านขวาเท่านั้น ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ชอบเท่านั้น เมื่อออกได้สองทางเราอาจคิดว่าเป็นธง แต่เรียนว่าในศาลไม่มีธง เราโต้เถียงกันมากพอสมควร และต้องดีใจที่มีตุลาการใหม่เข้ามาคงทำให้ความเห็นหรือทิศทางบางอย่างเปลี่ยนไปได้

ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ยังเปิดเผยถึงขั้นตอนการพิจารณาคดีที่ผู้ถูกร้อง ยื่นขอขยายเวลาการส่งเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาว่า จะสามารถขยายได้กี่ครั้ง ขึ้นอยู่กับวินิจฉัยของศาลฯ และจะพิจารณาตามความเหมาะสม โดยเฉพาะคดีการยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้อนุมัติให้ขยายได้อีก 15 วัน โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนนี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมขององค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคดีพรรคก้าวไกลในสิ้นเดือนเมษายนนี้ และยังไม่ทราบว่าจะมีคำร้องขอเปิดการไต่สวนหรือไม่ ซึ่งจะสามารถทำให้รับฟังพยานเพิ่มเติมได้อีก และส่วนตัวก็อยากรับทราบว่า บุคคลต่าง ๆ ที่จะเข้าไต่สวนนั้น มีรายละเอียดอย่างไร

ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกล มีการเตรียมความพร้อม และคาดเดาคำวินิจฉัยที่จะออกมาได้แล้วนั้น ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ก็เป็นที่คาดการณ์อย่างนั้น แต่เป็นข้อกฎหมายคนละมาตรกัน และหากมีการเปรียบเทียบคดีระหว่างพรรคก้าวไกล กับพรรคไทยรักษาชาติ โดยเฉพาะโทษทางการเมืองนั้น ก็ยังมีข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน และตัวแสดงทางการเมือง หรือตัวแสดงในคดี ก็ไม่ใช่ตัวแสดงเดียวกัน