คาเฟ่ในอังกฤษประกาศเลิกใช้อะโวคาโดเป็นวัตถุดิบ เพราะต้องนำเข้าจากประเทศห่างไกล ซึ่งสร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม
คาเฟ่ 'ไวลด์ สตรอว์เบอร์รี' ในบักกิงแฮมเชอร์ ประเทศอังกฤษ ประกาศจะไม่ใช้อะโวคาโดเป็นวัตถุดิบอีกต่อไป เพราะเป็นผลไม้ที่ต้องสั่งจากเม็กซิโก ประเทศแถบแคริบเบียน หรือรัฐแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐฯ เป็นหลัก ทำให้ต้องขนส่งเป็นระยะทางไกลหลายพันกิโลเมตร ซึ่งจะสร้างผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม และยังถือเป็นการไม่สนับสนุนวัตถุดิบในท้องถิ่นทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ คาเฟ่แห่งนี้มีมาตรการใช้วัตถุดิบในพื้นที่เป็นหลัก ซึ่งรวมถึงการใช้เนื้อสัตว์จากผู้ผลิตภายใน 40 กิโลเมตรเท่านั้น ทำให้การมีเมนูอะโวคาโดดูเป็นสิ่งที่ขัดต่อค่านิยมร้าน โดยเบื้องต้นทางร้านได้คำนวณจากเกณฑ์วัดระยะทางวัตถุดิบ หรือ food mileage calculator พบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว อะโวคาโดแต่ละลูกต้องเดินทางไกลถึงเกือบ 7,100 กิโลเมตร เพื่อมาอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตในอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม เคที บริลล์ เจ้าของคาเฟ่ ไวลด์ สตรอว์เบอร์รี กล่าวว่าทางร้านยังคงต้องนำเข้าวัตถุดิบบางอย่างที่จำเป็น เช่น น้ำมันมะกอก จากอิตาลี และเฟตาชีส จากกรีซ โดยจะควบคุมให้อยู่ในปริมาณน้อยและสมดุลที่สุด ซึ่งเธอเห็นว่าอย่างน้อยแล้ว กระบวนการผลิตน้ำมันมะกอกและเฟตาชีสก็ไม่ได้ทำลายธรรมชาติเท่ากับการแผ้วถางป่าเพื่อปลูกอะโวคาโด อย่างที่ทำกันในหลายประเทศ