การไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน. จัดงาน ก้าวสู่วิถีอนาคต เพื่อมหานครที่ยั่งยืน Sustainable Growth of Metropolis (ซัสเตนเนเบิล โกรท ออฟ เมโทรโพลิส) โดยมีการเชิญผู้ใช้ไฟฟ้าในหน่วยงานราชการ ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ กฟน. เข้าร่วมรับฟังนโยบายและทิศทางการดำเนินธุรกิจของ กฟน. ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อย่างยั่งยืนกับผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มดังกล่าวอีกด้วย
พร้อมกันนี้ นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการ กฟน. ยังได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ Leveraging beyond tomorrow (เลเวอร์เรจิ้ง บียอนด์ ทูมอร์โรว) โดยระบุว่า สิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมไฟฟ้า คือ ต้องมีไฟฟ้าที่เพียงพอ และต้องมีความมั่นคง ซึ่งความมั่นคงดังกล่าว เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากสำหรับ กฟน. เพราะต้องบริหารจัดการไฟฟ้าใน 3 พื้นที่รับผิดชอบ คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ไม่ให้เกิดปัญหาไฟตกและไฟดับ
ทั้งนี้เพื่อให้อุตสาหกรรมไฟฟ้ามีความมั่นคง กฟน.มี 2 โครงการใหญ่ที่ต้องเดินหน้า
โครงการแรกคือ สมาร์ท เมโทร โดยเฉพาะการนำไฟฟ้าลงใต้ดิน เพราะนอกจากจะสร้างทัศนียภาพที่งดงามแล้ว ยังเพิ่มความมั่นคงทางด้านระบบไฟฟ้าอีกด้วย
โครงการที่สอง “the MetGE : METRO GRID ENABLER (เดอะ เมท : เมโทร กริด เอ็นนาเบลอ) โดย กฟน.จะทำหน้าที่กำกับ ดูแล ให้คำปรึกษาและอนุญาตการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องอัดประจุสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ระบบแผงโซลาร์เซลล์ โดยข้อมูลภายในโครงข่าย กฟน.จะเป็นผู้ควบคุมดูแลและนำมารวบรวม เพื่อส่งมอบการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนผ่านเทคโนโลยี เช่นแอปพลิเคชั่น หรือนวัตกรรมอื่นๆ ไปบริหารจัดการด้วยตนเองต่อไป
นอกจากนี้ ภายในงาน กฟน.ยังนำ "น้องดินสอ" หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ฝีมือคนไทย และนวัตกรรมล้ำสมัยจาก LED Interactive Photo Virtual (แอลอีดี อินเตอร์แอคทีฟ โฟร์โต้ เวอร์ชวล) มาโชว์อีกด้วย ตลอดจนมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ระหว่างผู้ว่า กฟน. และลูกค้ารายใหญ่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงพัฒนาในคุณภาพระบบไฟฟ้าและบริการของ กฟน.