นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
ในฐานะองค์กรต่อสู้ทางการเมือง ตอบ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ได้เลยว่านปช.ให้ความร่วมมือไม่เคยเป็นอุปสรรคในกระบวนการสร้างความปรองดอง เฉพาะในรัฐบาลปัจจุบันก็ไปให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆตามที่ได้รับเชิญไม่เคยขาด แต่ไม่เห็นรูปธรรมใดๆนอกจากน้องเกี่ยวก้อย
ตัว ดร.เอนก เคยลงเรือแป๊ะเป็นแม่งานสร้างความปรองดองมาก่อนแต่ยิ่งทำยิ่งเงียบ วันนี้ลาออกมาเป็นหัวหน้าพรรคแล้วพูดเรื่องปรองดองขึ้นอีก ไม่ทราบว่าที่ทำไว้สำเร็จแค่ไหน อย่างไร การปรองดองต้องทำด้วยหัวใจไม่ใช่โวหาร เห็นข้อความที่หัวหน้าพรรครปช.โพสต์แล้วดูสละสลวย สะเทือนอารมณ์ แต่ไม่เห็นแนวทาง หรือข้อเสนอรูปธรรมใดๆ
ผมพูดมาตลอดว่าความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทยไม่ใช่เรื่องสีเสื้อ แต่เป็นการต่อสู้ของแนวคิดสองฝ่ายคือเสรีนิยมกับอนุรักษ์นิยม แดง เหลือง นกหวีดไม่ใช่เหตุ แต่เป็นผลของความขัดแย้งนี้ และจะสู้กันอีกกี่สิบปี เป็นตายกันอีกเท่าไหร่ก็ตาม ไม่มีทางที่ฝ่ายไหนจะกำจัดอีกฝ่ายให้หมดไปได้
เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าทุกฝ่ายต้องการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องมีความจริงใจเรื่องนี้แล้วเริ่มต้นการปรองดองด้วยหลักการ
ผมเคยเสนอไว้ในวงปรองดองของคสช.ว่า หลังเลือกตั้งต้องมีรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน ยกเลิกคำสั่งคณะยึดอำนาจตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันทุกฉบับ ถ้าต้องออกกฎหมายทดแทนให้ใช้กระบวนการของรัฐสภา ปฏิรูปกองทัพ ไม่มีการแทรกแซงองค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่เริ่มต้นด้วยสิ่งเหล่านี้ พูดคำว่าปรองดองไปก็ไร้ความหมาย
นปช.ไม่เคยมีศัตรูเป็นบุคคล ใครยื่นมือมาผมไม่มีทางยื่นเท้ากลับไป ทุกฝ่ายหันหน้าพูดคุยกันได้ เดือนที่แล้วพบนายสุเทพในงานแต่งงานผมก็ทักทาย กับนายสนธิเจอกันบนศาลก็โอภาปราศรัย ทำหลักการให้ถูกต้องแล้วทุกคนอยู่ใต้หลักการเดียวกัน ไม่ฉีกหลักการเหมือนที่ผ่านมาทุกอย่างจะเดินหน้าได้
ผมไม่มีข้อขัดแย้งกับดร.เอนก แต่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่พูดคือแนวทางพรรครปช.หรือไม่ คนทั่วไปเข้าใจว่าพรรคนี้นายสุเทพคือตัวจริง ถ้าไม่ใช่ ดร.เอนก ต้องเร่งทำให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นยิ่งเข้าโหมดเลือกตั้งพอนายสุเทพเดินสายปราศรัยกับประชาชน ต้องระวังจากหัวหน้าจะกลายเป็นหัวหลัก แม้แต่สมาชิกพรรคก็จะอยู่ใต้การนำของลุงกำนัน มากกว่า หนุ่มซินตึ๊ง