มาตรการป้องกันการรั่วไหลของเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ไปยังจีน ส่งผลให้นักลงทุนจีนยุติการลงทุนเพิ่มในสหรัฐฯ หลายราย และทยอยนำเงินไปลงทุนที่อื่นแทนซิลิคอนแวลลีย์ เพราะไม่ต้องการต่อสู้กับมาตรการของรัฐบาลสหรัฐฯ
มาตรการใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ในการควบคุมการเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จากชาวจีนได้ส่งผลกระทบอย่างชัดเจน ในการยับยั้งไม่ให้นักลงทุนจากจีนสามารถมีส่วนร่วมในการลงทุนกับบริษัทสตาร์ตอัปสัญชาติอเมริกัน เนื่องจากเกรงว่าเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นขึ้นในสหรัฐฯ จะรั่วไหลไปยังประเทศจีน
กรณีดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งต่อการเติบโตทางด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในศูนย์กลางเทคโนโลยีและสตาร์ตอัปอย่างซิลิคอนแวลลีย์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เนื่องจากมีการรายงานล่าสุดจากสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจ Rhodium Group ในนิวยอร์ก ระบุว่า ในปี 2018 ที่ผ่านมานั้น การระดมทุนจากนักลงทุนจีนเพื่อส่งเสริมสตาร์ตอัปได้พุ่งสูงถึง 30,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 959,000 ล้านบาท
การระดมทุนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา เนื่องจากหลายบริษัทต้องการระดมเงินทุนให้ได้มากที่สุด ก่อนที่นายทรัมป์จะลงนามในมาตรการกีดกันดังกล่าว ซึ่งเขาเองต้องการกีดกันต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ไม่ให้สามารถเข้าถึงทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเทคโนโลยีอันมีค่าที่ถูกคิดค้นได้ในสหรัฐฯ แต่นั่นกลับทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้าสหรัฐฯ ชะลอตัวลงอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนชาวจีนจำนวนมากยุติการลงทุนเพิ่มในซิลิคอนแวลลีย์แล้ว