ไฟป่าแอมะซอนในบราซิล ทำลายพื้นที่สีเขียวไปแล้วประมาณ 1.5 ล้านเฮกตาร์ แต่พื้นที่ป่าแอมะซอนนั้นครอบคลุมไปถึงประเทศอื่นๆ ด้วย ไฟที่ไหม้ลามจากป่าแอมะซอนในบราซิล ไม่ได้หยุดลงที่พรมแดนใดๆ ทำให้ 'โบลิเวีย' เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าแอมะซอน
ปัญหาที่เกิดจากไฟไหม้ป่าแอมะซอนในบราซิลได้ลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากบราซิลไม่สามารถควบคุมการเผาไหม้ในพื้นที่ป่าแอมะซอนได้ เมื่อสัปดาห์ก่อนไฟได้ไหม้ลามไปยังพื้นที่ป่าของประเทศโบลิเวีย ซึ่งมีอาณาเขตเชื่อมต่อกับป่าแอมะซอนในบราซิล เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงและตำรวจ ทหาร จึงต้องช่วยกันใช้ทุกวิถีทางเพื่อดับไฟ
ขณะเดียวกัน สัตวแพทย์และอาสาสมัครจากทั่วประเทศโบลิเวีย ก็ได้ร่วมมือกันตั้งศูนย์ช่วยเหลือและดูแลสัตว์ที่ล้มป่วยเพราะไฟไหม้ป่าแอมะซอนด้วยเช่นกัน โดยพวกเขาช่วยเหลือสัตว์ที่หนีออกจากป่ามาได้ ส่วนใหญ่คือนกสายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงตัวอาร์มาดิลโล
นกบางตัวบาดเจ็บ และอีกหลายตัวมีอาการป่วยเพราะควันไฟ เช่น ตาพร่า แต่ผู้ที่มาช่วยรักษาและดูแลสัตว์เหล่านี้ ต่างก็พร้อมใจกันทำงานโดยไม่มีค่าตอบแทน แต่มีผู้สนับสนุนด้านเงินทุน อุปกรณ์และยารักษาโรคของสัตว์เป็นจำนวนไม่น้อย ช่วยให้การดำเนินงานในด้านนี้เดินหน้าต่อไปได้
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ไฟไหม้ป่าที่โบลิเวียมีการจัดการที่ดีกว่าบราซิล โดยเปรียบเทียบท่าทีของนายเอโบ โมราเลส ประธานาธิบดีโบลิเวีย กับนายฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิล ซึ่งแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะ
ผู้นำบราซิลไม่ยอมให้ประเทศอื่นๆ มาวิพากษ์วิจารณ์การจัดการปัญหาที่ดินและป่าไม้ในรัฐบาลของตัวเอง ทั้งยังปฏิเสธความช่วยเหลือจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยอ้างว่า บราซิลไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนักล่าอาณานิคม ทำให้ไฟป่าแอมะซอนในบราซิลแผ่วงกว้างออกไปจนเกินควบคุม
ขณะที่นายโมราเลส ผู้นำโบลิเวีย เปิดรับความช่วยเหลือจากประเทศอื่นๆ ที่มีงบประมาณช่วยเหลือและเครื่องบินที่มีสมรรถภาพสูงกว่า เช่น สหรัฐอเมริกา ส่งเครื่องบินมาพ่นน้ำดับไฟให้โบลิเวียตั้งแต่เกิดเหตุไม่นาน ทำให้การดับไฟป่าในโบลิเวียคืบหน้ากว่าบราซิล โดยโมราเลสระบุว่า เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้ร่วมมือกันสามารถควบคุมเพลิงที่เผาไหม้กว่า 80,000 จุดเมื่อสัปดาห์ก่อน เหลือเพียง 182 จุดเท่านั้น