นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และอดีตประธานคณะกรรมธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาปฏิรูปแห่งชาต (สปช.) สะท้อนมุมมอง 4 ปี คสช. ต่อการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น โดยระบุว่า เมื่อเรามองย้อนหลัง ไป 4 ปี จะเห็นว่า 2 ปีแรก ทางคสช. มีผลงานค่อนข้างดี เห็นได้จากการดำเนินการในหลายมาตรการที่เป็นประโยชน์และมีความพยายามในการปราปรามทุจริตอย่างจริงจัง
แต่ช่วง 2 ปีหลัง กลับเริ่มมีความไม่เข้มแข็งเพราะมีเรื่องของระบบพวกพ้อง คนใกล้ตัวซึ่งถูกกล่าวหา แต่กลับไม่มีการดำเนินการรวดเร็วเท่าที่ควร จนมีการมองว่ามาตรการต่างๆ ที่เคยใช้ในอดีตไม่เข้มแข็งเท่าเดิม ส่วนตัวจึงมองว่าการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ถดถอยไป
ส่วนกฎกติกาที่ออกมาในยุค คสช. มีหลายเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังในการแก้ปัญหาเช่น การตั้งศาลคดีทุจริต การปรับปรุงเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบได้ ซึ่งถือว่ามีผลในทางบวกพอสมควร
แต่สิ่งที่ทำให้การบังคับใช้ไม่เข้มแข็งคือ การมีกฎหมายอำนวยความสะดวกในการออกใบอนุญาตซึ่งตามเจตนารมณ์คือ ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐต่างๆ ได้ปรับปรุงกฎระเบียบและทำให้การออกใบอนุญาตปลอดจากการเรียกสินบนหรือทุจริต แต่สิ่งที่ตนรู้สึกผิดหวังคือ การบังคับใช้ไม่ได้ผล ข้าราชการที่ดูในเรื่องนี้ไม่เข้มแข็ง ขณะที่ทางรัฐบาลเองก็ไม่ได้เข้มงวดในเรื่องนี้
และสิ่งที่อยากจะฝากไปยัง คสช. ในช่วงที่ยังเหลืออยู่คือ หลายอย่างที่รัฐบาลน่าจะทำได้ ก็ควรที่จะรีบเร่งรัด โดยเฉพาะเรื่องที่ได้ออกมาตรการมาแล้ว เพื่อจะทำให้เห็นถึงความตั้งใจในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันต่างๆ ต่อไป