นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา สปช. ให้สัมภาษณ์ในรายการ Wake Up News ถึงการปฏิรูปวงการสงฆ์ หลังมีกรณีเงินทอนวัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระชั้นผู้ใหญ่ในวัดดังหลายแห่ง
นายไพบูลย์ ระบุ การปฏิรูปวงการสงฆ์ ควรมีมานานแล้ว แต่ยังไม่เกิดสักที ซึ่งตอนนี้ก็ดีขึ้นตามลำดับ หลังเจ้าหน้าที่นำกฎหมายมาดำเนินการกับพระระดับสูง ก็นับเป็นการปฏิรูปแล้ว แต่การปฏิรูปที่สำคัญ พ.ร.บ.คณะสงฆ์
นายไพบูลย์ ระบุ ควรมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองคณะสงฆ์ จากการผูกขาดอำนาจ เปลี่ยนเป็นการดูแลการปกครองคณะสงฆ์ ทั้งในวัด อำเภอ จังหวัด ประเทศ เป็นไปโดยคณะสงฆ์ ไม่ใช่ให้พระรูปหนึ่งรูปใดมีอำนาจโดยเด็ดขาด และให้พระภิกษุอยู่ในพระธรรมวินัย
นายไพบูลย์ ระบุ การปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์ การจัดการทรัพย์สินวัดและพระภิกษุ จะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ฉบับธรรมาธิปไตย อันเป็นข้อ 2 ของนโยบายหลักของ 'พรรคประชาชนปฏิรูป' และจะให้กรรมการมหาเถรสมาคม เปลี่ยนเป็นคณะที่ปรึกษาขององค์สมเด็จพระสงฆราช ซึ่งจะไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างปัจจุบัน ขณะที่ สมเด็จพระสงฆราช ยังทรงบัญชาการปกครองทั้งประเทศเหมือนเดิมผ่านคณะปกครองสงฆ์ที่รวมทั้ง 2 นิกาย สำหรับการตรวจบัญชีวัด ทุกวัดก็ต้องมีการการจัดทำบัญชี
นายไพบูลย์ เผยถึง สถานะของอดีตพระพุทธะอิสระ ในคดีที่ถูกกล่าวหาตามข้อกฎหมายยังมีหนทางต่อสู้มากมาย และ ท่านอดีตพระพุทธะอิสระจะยังอยู่ในเรือนจำอีกสักระยะ และเมื่อการต่อสู้คดีสิ้นสุดก็ยังกลับมาเป็นพระได้
นายไพบูลย์ ย้ำ การดำเนินคดีของอดีตพระพุทธะอิสระ เป็นการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ใช่การปฏิรูปสงฆ์ สำหรับกรณีมีผู้ใหญ่เดินทางไปเยี่ยมอดีตพระพุทธะอิสระในเรือนจำก็มีภาพการกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ อดีตพระพุทธะอิสระ ระบุ ยังอยากอยู่ในเรือนจำต่อ