ยอดขายสมาร์ตโฟนทั่วโลกหดตัวลง 3%
สมาร์ตโฟนชั้นนำหลายแบรนด์มียอดขายที่ตกลงมาในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เพราะว่ายอดขายสมาร์ตโฟนทั่วโลกลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี แต่ก็มีบางแบรนด์ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นสวนทางกับกระแสตลาด
เคาน์เตอร์พอยต์ รีเสิร์ช (Counterpoint Research) บริษัทวิเคราะห์การตลาดระดับโลก เผยรายงานเกี่ยวกับการเติบโตของตลาดสมาร์ตโฟนฉบับล่าสุด พบว่ายอดขายสมาร์ตโฟนทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ อยู่ที่ 386.8 ล้านเครื่อง ชะลอตัวลง 3% นับว่าเป็นการชะลอตัวครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากที่มีการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อเนื่อง 16% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้ยอดขายสมาร์ตโฟนทั่วโลกหดตัวลง ส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงขาลง ภาษีสินค้าที่แพงขึ้น และราคาสมาร์ตโฟนที่แพงขึ้น จนทำให้ผู้บริโภคต้องคิดให้รอบคอบมากขึ้นก่อนที่จะซื้อสมาร์ตโฟนเครื่องใหม่
นายทอม คัง (Tom Kang) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของเคาน์เตอร์พอยต์ รีเสิร์ช ระบุไว้ในรายงานว่า ตลาดสมาร์ตโฟนในหลายประเทศได้มาถึงจุดอิ่มตัวแล้วสำหรับยอดขายสมาร์ตโฟนที่มาจากกลุ่มผู้ใช้หน้าใหม่ และต้องหวังการเติบโตจากการซื้อสมาร์ตโฟนเครื่องใหม่ของผู้ใช้เก่าแทน แต่ผู้บริโภคในยุคนี้ก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนสมาร์ตโฟนไม่บ่อยเท่าแต่ก่อน
แบรนด์สมาร์ตโฟนยักษ์ใหญ่หลายแบรนด์ ต่างต้องเผชิญกับยอดขายที่ลดลง เช่น ซัมซุงที่แม้จะยังคงมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของโลกในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา อยู่ที่ 72.3 ล้านเครื่อง แต่ยอดขายกลับตกลงถึง 13% ส่วนแอปเปิล ยังคงประคองตัวได้โดยมียอดขายเติบโตเล็กน้อยที่ 0.1% ในขณะที่ โมโตโรลา และ แอลจี มียอดขายที่ลดลงกว่า 20%
อย่างไรก็ตาม หัวเว่ย เสียวหมี่ และ HMD เจ้าของแบรนด์โนเกีย กลับมียอดขายเติบโตที่ชัดเจนสวนทางกับกระแสตลาดโลก โดยหัวเว่ยมียอดขายสูงขึ้น 33% เสียวหมี่มียอดขายสูงขึ้น 25% และ HMD มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 71%
ไอโฟน 2019 อาจอัปเกรดกล้องสแกนใบหน้า
The Verge รายงานว่า แอปเปิลอาจจะอัปเกรดกล้องสแกนใบหน้าสำหรับไอโฟนรุ่นใหม่ที่จะออกมาในปี 2019 ซึ่งกล้องสแกนใบหน้าใหม่นี้จะมีเซนเซอร์ที่สแกนใบหน้าได้ละเอียดขึ้นแม้ในภาวะที่มีแสงสว่างน้อย ทำให้การสแกนใบหน้าเป็นไปอย่างแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งในรายงานยังระบุด้วยว่า แอปเปิลอาจจะใช้กล้อง 3 มิติ ติดระบบเซนเซอร์ทีมีชื่อว่า Time of Flight ในไอโฟนหรือไอแพด ปี 2019 หรือปี 2020 ซึ่งจะสามารถถ่ายภาพ 3 มิติได้ด้วยการวัดความเร็วของแสงเลเซอร์ที่ส่งมาจากกล้องก่อนที่จะไปกระทบกับวัตถุที่ถูกถ่ายภาพ ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้างภาพเสมือนจริงขึ้นมาได้
ระบบสแกนใบหน้าของไอโฟน 10 รุ่นปัจจุบัน ใช้แสงอินฟาเรดในการตรวจสอบตำแหน่งบนใบหน้ากว่า 30,000 จุด ซึ่งแม้จะทำงานได้แม่นยำเป็นที่น่าพอใจในภาวะแสงน้อย แต่ในภาวะที่มีแสงผสมกันระหว่างพื้นที่ที่สว่างและมืด กล้องสแกนใบหน้าอาจจะขาดความแม่นยำไปบ้าง การใช้ระบบแสงเลเซอร์น่าจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำได้มากขึ้น เพราะระบบแสงเลเซอร์ทำงานโดยไม่สนใจสภาวะแสงที่อยู่รอบข้าง