หลายคนเคยได้ยินชื่อหนัง 'เชคสเปียร์ต้องตาย' มาแล้ว จากการที่หนังเรื่องนี้ถูกพิจารณาไม่ให้ฉายในประเทศไทย และยังคงมีการต่อสู้คดีในชั้นศาล ซึ่งข้อจำกัดด้านการนำเสนอผลงานศิลปะเช่นนี้ก็ทำให้ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างเลือกที่จะเปิดพื้นที่สำหรับงานศิลปะขึ้นเอง
ต้องเกริ่นก่อนว่า 'เชคสเปียร์ต้องตาย' คืออะไร 'เชคสเปียร์ต้องตาย' เป็นหนังที่หลัก ๆ แล้วดัfแปลงจากโครงเรื่องและตัวละคร 'แม็คเบ็ธ…ผู้ทรยศ' ของ 'วิลเลียม เชกสเปียร์' แต่ก็มีเนื้อหาอ้างอิงถึงเหตุการณ์การเมืองไทยหลายครั้งด้วย ทำให้ถูกตัดสินให้ได้รับเรต 'ห' หรือ ห้ามเผยแพร่ในประเทศไทย เนื่องจากอาจทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนในชาติ
ทีนี้ พอผลงานไม่ได้ฉาย เลยเกิดเป็นไอเดียให้ คุณสมานรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์ ผู้เขียนบทและกำกับ และคุณมานิต ศรีวานิชภูมิ ผู้อำนวยการสร้าง ซึ่งก็เป็นช่างภาพมือรางวัล และนักเขียน หันมาเปิดพื้นที่สำหรับศิลปะด้วยตัวเองเลย ในซอยสุขุมวิท 43 คือตั้งเป็นมูลนิธิ มีทั้งโรงหนังและแกลเลอรี เปิดฉายหนังไทยนอกกระแสหลายเรื่อง และรับจัดแสดงงานศิลปะอื่น ๆ ด้วย
ไปฟังเสียงผู้ก่อตั้งสักหน่อย คุณอิ๋ง พูดถึงว่า ทำแบบนี้มันไม่ได้อะไรคืนหรอก ในเชิงธุรกิจ แต่ทำไปทำไม ไปฟังกันค่ะ
น่าสนใจมากเรื่องทำแล้วไม่หวังกำไร คือจริง ๆ อุตสาหกรรมหนังไทยตอนนี้มันหวังกำไรยากอยู่แล้ว ทั้งคนทำหนัง ค่ายหนัง และโรงหนัง ส่วนหนึ่งก็ผู้บริโภค ผู้ชม ก็เลือกชม พอเลือกชม คนสร้างก็มองแคบลง มีแต่หนังตลก หนังผี กลายเป็นวัฏจักร
สำหรับที่ซีเนม่าโอเอซิสนี่ นอกจากการเข้าไปชมแล้ว มีระบบสนับสนุนอย่างหนึ่งที่เป็นแพทเทิร์นคล้ายของเมืองนอกด้วย เพราะเป็นมูลนิธิ ไปฟังจากคุณมานิตกันค่ะ ว่าคือระบบอะไร
ได้ยินแบบนี้แล้ว เชื่อว่า 'ซีเนม่าโอเอซิส' รวมถึง 'แกลเลอรี่โอเอซิส' จะเป็นทางเลือกอีกทางให้กับผู้ผลิตและผู้เสพผลงาน ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 43 เข้าจากปากซอยไปไม่ลึกเลย ติดตามข่าวสารและรอบฉายได้ที่เฟซบุ๊ก Cinema Oasis และเว็บไซต์ http://www.cinemaoasis.com