ไมโครซอฟท์ส่ง Surface Go ลุยตลาดแท็บเล็ตราคาระดับกลาง
ปัจจุบันแบรนด์ไอทียักษ์ใหญ่ต่างพากันเปิดตัวอุปกรณ์แท็บเล็ตที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ ในราคาที่คุ้มค่ามากขึ้น โดยล่าสุด ไมโครซอฟท์ ได้ส่ง Surface Go มาลงแข่งในตลาดแท็บเล็ตระดับกลางเช่นกัน
หลังจากที่แอปเปิลเปิดตัวไอแพดราคาประหยัดไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุด ไมโครซอฟท์ ได้ร่วมลงแข่งในตลาดแท็บเล็ตราคาระดับกลางด้วย ด้วยการเปิดตัว Surface Go อุปกรณ์รุ่นล่าสุดในซีรีส์ของ Surface ที่เป็นคล้ายลูกครึ่งระหว่างแท็บเล็ตและแล็ปท็อป โดยรุ่นนี้ถือเป็น Surface ที่บางและเบาที่สุดเท่าที่ไมโครซอฟท์เคยผลิตมา ซึ่งหนักประมาณ 500 กรัม และบางเพียง 8.3 มิลลิเมตรเท่านั้น Surface Go มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสแบบ PixelSense ขนาด 10 นิ้ว ความละเอียดภาพสูง 216 PPI รองรับปากกา Surface Pen โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องนาน 9 ชั่วโมง ซึ่งขาตั้งรุ่นใหม่ที่ใช้สำหรับวาดภาพในโหมดสตูดิโอสามารถกางได้กว้างสูงสุด 165 องศา นอกจากนั้น ยังมีพอร์ตแจ็คหูฟัง ช่องอ่านการ์ด MicroSD รวมถึงเพิ่มพอร์ต USB-C 3.1 สำหรับถ่ายโอนข้อมูลและชาร์จได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 Home ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Pentium Gold แรมสูงสุด 8 กิกะไบต์ หน่วยเก็บความจำภายในสูงสุด 256 กิกะไบต์ กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล รวมทั้งรองรับ Windows Hello เพื่อลงชื่อเข้าใช้งานด้วยการสแกนใบหน้า // Surface Go เริ่มเปิดให้สั่งจองแล้วที่สหรัฐฯ และอีก 20 ประเทศ ในราคาเริ่มต้นที่ 399 เหรียญ หรือประมาณ 14,000 บาท และจะเปิดให้ผู้ใช้งานในไทยสามารถสั่งจองได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
Nvidia ใช้เอไอปรับรูปแต่งรูปให้ชัด
ทีมนักวิจัยจาก 3 องค์กร ได้แก่ เอ็นวิเดีย (Nvidia) บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT และ มหาวิทยาลัยอาลโตจากฟินแลนด์ (Aalto University) ร่วมมือกันพัฒนา 'นอยซ์ทูนอยซ์ (Noise2Noise)' ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถปรับแต่งรูปภาพ ด้วยการลดจุดความไม่สม่ำเสมอในภาพ ที่เกิดจากการถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือ นอยซ์ (Noise) ให้ภาพนั้น ๆ มีความคมชัดมากขั้น โดยทีมนักวิจัยใช้ฐานข้อมูลรูปภาพจากเว็บไซต์อิมเมจเน็ต (ImageNet) กว่า 5,000 ภาพ ในการสอนให้เอไอเรียนรู้วิธีการลดนอยซ์
โดยระหว่างการเทรนเอไอ ทีมงานได้นำภาพสแกนสมองของมนุษย์หรือ MRI รวมทั้งภาพถ่ายที่ได้จากอวกาศ และภาพถ่ายกลุ่มฝุ่นที่ไม่สามารถระบุได้ ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายจากที่แสงน้อยและมีนอยซ์ค่อนข้างมาก มาร่วมทดสอบด้วย ซึ่งผลปรากฎว่าเอไอสามารถลดนอยซ์จนทำให้ภาพคมชัดได้ แม้ว่าเอไอจะไม่เคยเห็นรูปนั้นในแบบที่ไม่มีนอยซ์มาก่อน โดยคาดว่าเทคโนโลยีนี้จะนำมาประยุกต์ใช้กับวงการวิทยาศาสตร์ และวงการแพทย์ในอนาคต ซึ่งทีมนักวิจัยเตรียมนำเสนอผลงานดังกล่าว ในงานประชุมผลงานปัญญาประดิษฐ์ International Conference On Machine Learning ในเมืองสต็อกโฮล์ม ของสวีเดนภายในสัปดาห์นี้
ซัมซุงเปิดโรงงานผลิตมือถือใหญ่ที่สุดในโลกที่อินเดีย
ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีจากเกาหลีใต้ เปิดโรงงานผลิตสมาร์ตโฟนแห่งล่าสุดที่อินเดียอย่างเป็นทางการ โดยมี นาเรนดรา โมดิ (Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีของอินเดีย และ มูน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เข้าร่วมพิธีเปิดโรงงานผลิตสมาร์ตโฟนแห่งใหม่ของซัมซุง ในเมืองนอยดา (Noida) ใกล้กับกรุงนิวเดลี (New Delhi) โดยโรงงานแห่งนี้ถือเป็นโรงงานผลิตสมาร์ตโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และสามารถผลิตสมาร์ตโฟนในอินเดียได้เพิ่มขึ้นถึงสองเท่า จากเดิมที่ซัมซุงเคยผลิตได้ 68 ล้านเครื่อง เป็น 120 ล้านเครื่องต่อปี
การเปิดโรงงานในครั้งนี้ ซัมซุงตั้งใจจะแข่งขันกับคู่แข่งคนสำคัญ อย่าง เสียวหมี่ แบรนด์สมาร์ตโฟนจากจีน ที่เริ่มเข้ามาตีตลาดสมาร์ตโฟนในอินเดีย และได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งอินเดียถือเป็นตลาดผู้บริโภคโทรศัพท์มือถือที่โตเร็ว และใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอันดับที่สองรองจากจีน และมีผู้ใช้บริการการเชื่อมต่อแบบไร้สายกว่าพันล้านคน ซึ่งนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีของซัมซุงที่จะได้เพิ่มการเติบโตของธุรกิจสมาร์ตโฟน และสนับสนุนยอดขายของอุปกรณ์กาแล็กซีรุ่นพรีเมียมของบริษัทอีกด้วย
Source
YouTube/Microsoft Surface
YouTube/Nvidia
Reuters