ที่พักอาศัยแบบ Co-living กำลังเป็นเทรนด์อสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะแตกต่างจาก Co-working space ที่เป็นพื้นที่ทำงานร่วมกันเพียงอย่างเดียว แต่ไม่สามารถพักอาศัยได้ ส่วน Co-living คือการนำคนเช่าบ้านที่มีความสนใจในสิ่งคล้ายๆกันมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน หรือคอนโดเดียวกัน แล้วมีพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถทำงานร่วมกันได้
คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจสตาร์ทอัพทั่วโลกกำลังมีเทรนด์การใช้ชีวิตแบบแชร์ริง ลดการเป็นเจ้าของหรือการซื้อของต่างๆ ซึ่งถูกมองว่าเป็นภาระและสิ้นเปลือง ทำให้ธุรกิจแชร์ริงกำลังเป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเป็นการแชร์รถยนต์, การแชร์จักรยาน และการเช่าสถานที่ทำงาน จากเดิมที่ต้องไปหาที่เช่าออฟฟิซซึ่งมีความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายมาก ก็หันมาใช้บริการของ Co-working space แทน หรือบริการให้ใช้สถานที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังเริ่มการทำธุรกิจของตัวเอง เพราะมีค่าใช้จ่ายไม่มาก ไม่มีภาระผูกพันระยะยาว และยังได้เจอกับผู้คนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจเดียวกัน ทำให้ได้คอนเนคชันในการทำธุรกิจด้วย
แต่ว่าแนวคิดการทำ Co-working space ก็มีข้อจำกัดนั่นก็คือผู้ใช้บริการไม่สามารถอยู่ข้ามคืนได้ จึงมีการนำแนวคิดนี้ไปต่อยอดเป็นธุรกิจการให้เช่าที่พักแบบ Co-living ซึ่งมองเผินๆอาจจะเหมือนการให้บริการเช่าบ้านหรือเช่าห้องพักแบบปกติ แต่ว่า Co-living จะทำการเฟ้นหาคนหนุ่มสาวที่มีความสนใจร่วมกัน เช่นนักธุรกิจสตาร์ทอัพ, คนในแวดวงดิจิตอล หรือคนในวงการสื่อ ให้มาอยู่ร่วมกัน โดยจะมีการเปิดให้ใช้พื้นที่กลางในการทำงานร่วมกัน ซึ่งจะมีอุปกรณ์ออฟฟิซ อย่างปรินท์เตอร์, ไวไฟ, ห้องประชุม, ห้องอาหาร, ห้องจัดสัมนา เตรียมให้เพียบพร้อม คล้ายๆกับ Co-working space แต่ Co-living จะเป็นที่อยู่อาศัยไปในตัวด้วย ซึ่งที่อยู่พักอาศัยแบบ Co-living กำลังเป็นที่นิยมตามเมืองใหญ่ๆของจีน, อินเดีย, สิงคโปร์, ฮ่องกง และในยุโรป
Co-living มีความคล้ายคลึงกับหอพักของนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ แต่เปลี่ยนจากนักศึกษามาเป็นคนวัยทำงานยุคใหม่ ที่เปิดกว้างรับแนวคิดการสร้างโซเชียลเน็ทเวิร์คและเศรษฐกิจแบบแชร์ริง นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่ทำงานในโปรเจ็คท์ยาวๆร่วมกัน เพราะจะสามารถทำงานร่วมกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งการเติบโตของที่พักแบบ Co-living ก็เกิดขึ้นพร้อมๆกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้คนรุ่นใหม่จำนวนมากไม่ต้องการแบบรับภาระในการจ่ายค่าเช่าคอนโด หรืออพารท์เมนท์แบบเดิมที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และยังต้องลงทุนซื้อเฟอนิเจอร์ตกแต่งเองอีกต่างหาก จึงหันมาอาศัยอยู่ในที่พักแบบ Co-living ซึ่งมีการจัดตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางสำหรับการทำงานร่วมกันอย่างกว้างขวางเรียบร้อยแล้ว และแม้ที่พักแบบ Co-living จะมีหลายขนาด หลายราคา ตั้งแต่ค่าเช่าประมาณ 11,000 บาท ถึง 18,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับโลเคชันในแต่ละเมือง แต่โดยรวมแล้วก็มีราคาถูกกว่าการเช่าคอนโดแบบปกติ