มีครูชั้นประถมชื่อ Xian Franzinger Barrett เข้าไปสอนโรงเรียนประถมที่ Brighton Park เป็นย่าน ตะวันตกเฉียงใต้ของชิคาโก้ ที่อยู่อาศัยของ คนลาติโน ได้ชื่อว่าเป็นย่านที่ ยากจน เต็มไปด้วยความรุนแรง อาชญากรรม และแปลกแยกจากเมืองชิคาโก้
Barrett เห็นถึงความเหลื่อมล้ำเหล่านี้ เขาจึงเลือกเรื่องนี้ทำงานวิจัยชิ้นหนึ่ง เกี่ยวกับ ความเหลื่อมล้ำ ชนชั้น ที่เกี่ยวพันกับคอนเสปป์เรื่องการเหยียดผิว เหยียดชนชั้น การกดขี่ และ อคติ ความลลำเอียงต่างๆที่เกิดขึ้นจากความเหลื่อมล้ำที่ดำรงอยู่
Barrett ยัง พบว่า การที่เด็กถูกสอนว่า สังคมมีความเป็นธรรม มีความเท่าเทียม และมายาคติที่บอกว่า อเมริกาคือดินแดนแห่งโอกาสสำหรับคนทุกคน ส่งผลให้ เด็กประถมปลาย เมื่อเข้าสู่ชั้นมัธยม จะเริ่มโทษตัวเอง ต่อความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่ความล้มเหลวของพวกเขามาจากอุปสรรคที่พวกเขาควบคุมไม่ได้
สิ่งที่บาเรต์ค้นพบสอดคล้องกับงานวิจัย For Better or Worse? System-Justifying Beliefs in Sixth-Grade Predict Trajectories of Self-Esteem and Behavior Across Early Adolescence ที่เผยแพร่ใน Child Development ที่พบว่า เด็กวัยรุ่นในกลุ่มเด็กชายขอบ ที่เชื่อในอุดมคติแบบอเมริกัน ที่ว่า การทำงานหนัก ความขยัน จะนำมาซึ่งความสำเร็จ มีแนวโน้มจะดูถูกตัวเอง และ มีความเสี่ยงที่กลายเป็นเด็กเกเร เมื่อเป็นวัยรุ่นเต็มตัว
เรื่องนี้เกี่ยวกับจิตวิทยาของเด็กพรีทีนด้วย
เด็กชายขอบในวันพรีทีน ที่สมาทานแนวคิดกระแสหลักของสังคมที่เชื่อว่า สังคมอเมริกันเป็นสังคมที่ให้โอกาสแก่คนทุกคนอย่างเท่าเทียม เสมอภาค ทุกคนสามารถสำเร็จอเมริกันดรีมได้ ถ้าคุณขยัน ทำงานหนัก มุ่งมั่น ก้าวตามความฝันอย่างไม่ลดละ
ความเชื่อนี้ ถ้ามันถูกสมาทานโดยเด็กกลุ่มที่ได้เปรียบทางสังคม เช่น เด็กผิวขาว ชนชั้นกลาง ที่สามารถบรรลุซึ่งความฝันของตนได้โยไม่มีอุปสรรคมากนัก ก็จะไม่เป็นปัญหา แต่เด็กพรีทีนกลุ่มชายขอบ สุดท้ายเขาจะพบว่า การไปสู่ความสำเร็จของพวกเขา มันเต็มไปด้วยอุปสรรค อันเกิดจากการถูกกีดกัน อคติ ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น (แต่เด็กก็เด็กเกินกว่าจะเข้าใจว่า สังคมมันมีความไม่เป็นธรรมเชิงโครงสร้างอยู่) เมื่อไม่เข้าใจ ก็จะสับสน โทษตัวเอง รวมทั้งรับเอาอคติของสังคมที่แปะป้าย โง่ จน เจ็บ มาเป็นอัตลักษณ์ของตนเองโดยปริยาย สุดท้าย พอเป็นวัยรุ่น เขาก็จะทำตัวให้เป็นไปตามที่สังคมตราหน้า หรือ ปรามาสเอาไว้ เช่น อ๋อ ไอ้พวกลาติโน เด็กต่างด้าว เดี๋ยวมันก็ไปค้ายา เดี๋ยวก็ไปเข้าแก๊งนักเลง – พวกเขารับเอาอคติเหล่านี้มา และก็ทำตัวให้กลายเป็นแบบนั้นไปจริงๆ
นั่นเป็นเพราะเด็กสมาทานเอามายาคติของสังคมที่ผลิตโดยคนที่เป็นอภิสิทธิ์ชนโดยไม่รู้ว่ามันเป็นมายาคติ พอเขาเชื่อว่า อ๋อ คนลาตินอย่างเรา คนดำอย่างเรา มันไม่มีดีหรอก พ่อเราก็ขี้เมา แม่เราก็ขี้เกียจ ชาตินี้เราคงเอาดีไม่ได้ คนอื่นเขาดีเพราะเขา “ดี” กว่าเรา ฉลาดกว่าเรา สังคมมันดีอยู่แล้ว ยุติธรรมอยู่แล้ว ที่แย่คือพวกเราเอง
งานวิจัยนี้ทำกับเด็กที่อาริโซนา กับเด็ก 257 คน เป็น ผิวี อินเดียน ลาติโน ผิวดำ เกือบทั้งหมด พบว่าตอนเกรด6 ความภูมิใจในตัวเอง และภาวะเสี่ยงต่อการเสียคน – ปกติ – พอขึ้นเกรด 7 ภาวะเสี่ยงสูงขึ้น และความภูมิใจในตัวเองต่ำลง
เพราะฉะนั้น สิ่งที่นักวิจัยทางการศึกษากลุ่มนี้แนะนำคือ เราต้องเร่งสอนเรื่องความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมแก่เด็กในวัยพรีทีนคือตั้งแต่ ป. 5 ป.6 เพื่อให้เขารู้เท่าทันมายาคติของสังคม และไม่ยอมรับ ภาพเหมารวมที่สังคมวาดไว้ให้เขา
ต้องให้เขาตระหนักว่า อุปสรรค อคติ ทางเชื้อชาติ สีผิว ต่อการบรรลุซึ่งความฝันของเขาคืออะไร และเขาจะก้าวข้ามหรือต่อสู้กับอคติเหล่านั้นอย่างไร และจะไม่เป็นไปตามการถูกตีตราจากสังคมอย่างไร เขาต้องเชื่ว่าเขาไม่ได้ โง่ จน เจ็บ เพราะตัวเขาเอง และเขาจะหลุดพ้นจากภาวะโง่ จน เจ็บ ด้วยเครื่องมืออะไรบ้าง เมื่อเขาโตขึ้น เป็นวัยรุ่นในชั้นมัธยม อย่างน้อย ก็ไม่สูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเอง
ต้องสร้าง critical understanding ให้กับเด็กตั้งแต่เนิ่นๆ
บรรดาครู นักการศึกษา ต้องตั้งคำถามว่า เด็กเหล่านี้ไม่เคยสอบผ่านเกณฑ์อะไรเลยหรือว่าเกณฑ์วัดเหล่านั้นและการศึกษาที่ออกแบบมานั้นออกแบบมาเพื่อจะให้พวกเขาไม่มีวันสอบผ่าน
เพราะนั้นครูที่เห็นว่า เด็กชั้นประถม เด็กเกินกว่าจะเรียนรู้เรื่องความไม่เป็นธรรมทางสังคม เด็กเกินกว่าที่จะเรียนรู้เรื่องความเหลื่อมล้ำ จึงเป็นความเข้าใจที่ผิด
เราจำเป็นต้องสอนให้เด็กเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เราต้องสอนประวัติศาสตร์ของความเหลื่อมล้ำแก่เด็กตั้งแต่เนิ่นๆ สอนเรื่อง ช่วงชั้น ลำดับชั้นต่ำสูง – แต่สอนอย่างไรในประเด็นที่ แหลมคม เช่นนี้ เป็นหน้าที่ของครูที่ต้องคิด
ปัญหาคือ ร้อยละ 80 ของครูอเมริกันเป็นคนผิวขาว - คำถามคือ เขาจะเข้าใจอคติทางเชื่อชาติ สีผิว ความเหลื่อมล้ำที่แฝงอยู่ในการเรียนการสอนหรือไม่?? - และนีคือตัวอย่างของความเหลื่อมล้ำที่เห็นกันอยู่แล้ว
Source: http://theatln.tc/2v1GdYj