ไม่พบผลการค้นหา
Wake Up News - ไทยรั้งอันดับ 107 ประชาธิปไตยโลก - Short Clip
Biz Feed - ไทยยกระดับภาษาอังกฤษ จาก 'ต่ำมาก' เป็น 'ต่ำ' - SHORT CLIP
เด็กไทยจ่ายเงินซื้อขนมมากสุดในเอเชียแปซิฟิก
แรงงานต่างชาติในไทยคุณสมบัติสูงเกินตำแหน่ง
ไทยติดกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเยือนญี่ปุ่น
ยอดขายฟอร์ดในอาเซียนยังโต
มองโลก มองไทย - มาเลเซีย-ไทย ติดกับดักรายได้ปานกลางระดับบน  - Short Clip
Biz Insight - จับตาเศรษฐกิจ-การเมือง 4 เสืออาเซียนปี 2018 - Short Clip
Wake Up News - วัด 'พลังอำนาจ' พบไทยตามหลังมาเลย์-อินโดฯ - Short Clip
ไต้หวันตั้งเป้าขยายความร่วมมือในเอเชีย รวมถึงไทย
'นโยบายต่างประเทศ' การถูกจับเป็นตัวประกันของการเมืองภายใน
สินค้าไทยบุกตลาดCLMV
กัมพูชายืนยัน รถไฟกรุงเทพ-พนมเปญเปิดให้บริการปีหน้า
มองโลก มองไทย - 10 ปี ไทยร่วง 10 อันดับ - Short Clip
ควีนอังกฤษได้ขึ้นเงินปี 8% 
Biz Feed - การเงินดิจิทัลไทยยังขาดความน่าไว้ใจ - SHORT CLIP
ไทยมีแนวโน้มเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว 'ฮาลาล'
CLIP Biz Feed : นโยบายกีดกันการค้าทรัมป์กระทบไทยแค่ไหน?  
ไทย-กัมพูชาหนุนโครงการรถบัสเชื่อมต่อถึงเวียดนาม
 ICAO ปลดธงแดง และอนาคตที่สดใสของธุรกิจการบินไทย
ไทยพร้อมหรือไม่ในยุคหุ่นยนต์ครองเมือง?
May 12, 2017 06:44

หนึ่งในนวัตกรรมที่คาดว่าจะเป็นอนาคตของโลกก็คือหุ่นยนต์ แต่อาเซียนกลับถูกมองว่าเป็นภูมิภาคที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกหุ่นยนต์แย่งงานมากที่สุด 

รายงานพยากรณ์อนาคตหุ่นยนต์โลกประจำปี 2017 หรือ Worldwide Robotics 2017 Predictions ระบุว่าภายในปี 2019 35% ของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ สาธารณูปโภค และสุขภาพ จะนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในการให้บริการ ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษก็ประเมินว่าคน 95 ล้านคนจะถูกหุ่นยนต์แย่งงานไปภายใน 10-20 ปีข้างหน้า แต่ที่น่ากังวลที่สุด ก็คือองค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO ระบุว่างานประจำ 56% ในฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ภายในไม่กี่สิบปีข้างหน้า หมายความว่าอาเซียนเป็นภูมิภาคที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกคุกคามโดยหุ่นยนต์มากที่สุดในโลก

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะหลายประเทศในอาเซียนพึ่งพิงอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก เช่นสิ่งทอ ตัดเย็บเสื้อผ้า และรองเท้า ซึ่งงานในอุตสาหกรรมเหล่านี้กำลังจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ ที่ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพกว่าแรงงานไร้ฝีมือ ILO ยังเตือนด้วยว่า ประเทศที่คิดจะแข่งขันกับประเทศอื่นด้วยแรงงานราคาถูก จำต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธได้แล้ว เนื่องจากแรงงานราคาถูกจะถูกแทนที่ด้วยหุนยนต์เป็นกลุ่มแรก ทำให้เกิดปัญหาว่างงาน รวมถึงขาดศักยภาพในการดึงดูดนักลงทุนในระยะยาว

กุญแจสำคัญของการปรับตัวรับอุตสาหกรรมยุคหุ่นยนต์ครองเมือง ก็คือการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้เป็นแรงงานทักษะสูง ที่หุ่นยนต์ไม่สามารถแทนที่ได้ ตัวอย่างของประเทศในอาเซียนที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการปฏิวัติโฉมหน้าอุตสหกรรมเข้าสู่ยุคหุ่นยนต์ ก็คือสิงคโปร์และเวียดนาม เนื่องจากทั้งสองประเทศยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ทัดเทียมกับมาตรฐานตะวันตกได้แล้ว และฝึกประชาชนรุ่นใหม่ให้มีทักษะด้านเทคโนโลยี การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และทักษะ STEM หรือความสามารถด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยี รวมถึงความสามารถในการเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งล้วนเป็นทักษะจำเป็นในโลกยุค 4.0

ในขณะเดียวกัน เมียนมาและลาวเป็น 2 ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคหุ่นยนต์น้อยที่สุดในอาเซียน เนื่องจากการพัฒนาอินเทอร์เน็ตและโครงสร้างพื้นฐานยังไม่ทั่วถึง ทำให้แรงงานยังเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต ไม่สามารถนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์เข้าไปแทนที่ได้ในอนาคตอันใกล้ 

เพราะฉะนั้น ประเทศที่ต้องปรับตัวอย่างมากที่สุด และเสี่ยงต่อการถูกหุ่นยนต์แย่งงานมากที่สุด ก็คือประเทศที่อยู่กึ่งกลางระหว่างการมีเทคโนโลยีก้าวหน้า แต่ยังมีทรัพยากรบุคคลที่ไม่พร้อม นั่นก็คือไทย กัมพูชา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ภารกิจแรกของรัฐบาลในประเทศเหล่านี้ ก็คือการปฏิวัติการศึกษา ทำให้เด็กมีทักษะ STEM เพราะทักษะเหล่านี้จะกำหนดอนาคตของแรงงานในประเทศ ว่าจะมีศักยภาพรองรับเศรษฐกิจยุค 4.0 หรือไม่ ซึ่งหากรัฐบาลล้มเหลว ก็อาจต้องเผชิญกับวิกฤตคนตกงาน และขาดแคลนแรงงานป้อนภาคธุรกิจในขณะเดียวกัน เนื่องจากแรงงานที่มีอยู่ในประเทศไม่สามารถตอบโจทย์อุตสาหกรรมในอนาคตได้

 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog