อดีตรัฐมนตรีบัวแก้ว ผู้ซึ่งถูกข้อกล่าวหา “ขายชาติ” แนะรัฐบาลให้ “อาเซียน” เข้ามามีบทบาทสนับสนุน แก้ปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้น
นพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องลาออกจากตำแหน่ง เพราะผลจากการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย – กัมพูชา ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เมื่อปี 2551 พร้อมข้อกล่าวหา “ขายชาติ” เรียกร้องให้ยุติการปลุกแนวคิด “ชาตินิยม”มาทำลายล้างทางการเมือง และชี้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกำลังประสบชะตากรรมเดียวกับตัวเขา
คุณนพดลฟันธงว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่สามารถแก้ปัญหาข้อพิพาทไทยกัมพูชาได้ หากยังไม่เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพราะในระยะ 2 ปี ที่ คุณกษิต ภิรมย์ ทำหน้าที่ทำให้ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านเสื่อมทรามลง บุคลิกส่วนตัวที่ใช้คำพูด-ท่าทีแข็งกร้ว และทัศคติอันตรายของรัฐมนตรีต่างประเทศที่มีต่อผู้นำกัมพูชา เป็นอุปสรรคสำคัญที่ไม่อาจใช้กลไกทางการทูตแก้ปัญหาข้อพิพาทได้
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประเมินว่า ปัญหาข้อพิพาทไทย- กัมพูชา เรื่องพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ไม่ใช่เป็นการเจรจา 2 ฝ่ายหรือทวิภาคีอีกต่อไป เพราะต้องมี “อาเซียน” เข้ามามีบทบาทสนับสนุน แนวทางที่ดีที่สุดสำหรับไทย คือ ควรมีเฉพาะประธานอาเซียน เข้ามาเป็นผู้ประสาน เพื่อจำกัดวงการเจรจาให้แคบที่สุด
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอาเซียนที่เข้ามาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างไทย – กัมพูชา พร้อมกันเสนอไปยังรัฐบาลไม่ควรใช้ประเด็นข้อพิพาทชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร มาทำแต้มทางการเมือง และควรกำหนดประเด็นการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาให้ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาข้อพิพาท
คุณนพดล ยังเสนอให้จัดเวทีระดมความเห็นระดับชาติ โดยมอบหมายให้สภาผู้แทนราษฏร หรือวุฒิสภา ระดมความเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อชำระประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกรณีปราสาทพระวิหาร และเสนอให้มีการลงประชามติในประเด็นที่ต้องการฉันทามติจากคนไทยทั้งประเทศ
Produced by VoiceTV