รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 27 ตุลาคม 2563
“ดอน ปรมัถต์วินัย” ยิ่งเป็น รมว.ต่างประเทศ นานเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ประเทศหมดภาพลักษณ์ ซ้ำรอย “ประยุทธ์” ยิ่งพูด ยิ่งทำประเทศดูแย่ในเวทีโลก พูดออกมาได้ฉีดน้ำสลายม็อบไม่รุนแรง มั่นใจหลายประเทศมองไทย สลายการชุมนุมตามหลักสากล แถมบอกต่างชาติแรงกว่านี้เยอะ... โอ้โห! สะกด “มนุษยธรรม” เป็นไหมเนี่ย
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงที่ประชุมรัฐสภา โดยกล่าวถึง การชุมนุมว่า หลายประเทศจับตามอง โดยเฉพาะสื่อต่างประเทศ และภาคธุรกิจต่างประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ
ส่วนกรณีที่มีการอ้างอิง ความคิดเห็นของผู้ชำนาญการอิสระ 3 คน จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (OHCHR)ขอชี้แจงว่า เป็นความคิดเห็นเฉพาะผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งบุคคลเหล่านี้ถูกจ้างมาทำงานเพื่อไปตรวจความเคลื่อนไหวต่างๆด้านสิทธิมนุษยชนในหลายประเทศ แต่เมื่อทูตของเรา ที่เจนีวา ได้พูดคุยกับผู้อำนวยการใหญ่ พบว่า เขารับทราบถึงการดำเนินการตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งเป็นอีกมุมหนึ่งทีอยากให้รับทราบ
ขณะเดียวกัน มุมของเอ็นจีโอ เช่น แอมเนสตี้ ฮิวแมนไรท์วอช กลุ่มเหล่านี้ออกมาเป็นประจำอยู่แล้ว อะไรที่ผิดปกติจากกิจการประจำวัน ก็เป็นเรื่องที่เขาไปเขียนเป็นรายงาน ถือว่าเป็นภารกิจหนึ่งของเขา
แต่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย คือ ภาครัฐของแต่ละประเทศ ไม่เคยมีสเตทเม้นต์ออกมา เพราะเขาถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้รับการคลี่คลายและอยู่ในกรอบสากล ทำให้มีเพียงการติดตามเท่านั้น โดยไม่มีการแสดงออกของภาครัฐต่างประเทศ ในลักษณะถ้อยแถลง ยกเว้นกรณีของประเทศออสเตรเลียที่ออกมาเตือนพลเมืองตัวเองให้มีความระมัดระวังในการเดินทาง หลายท่านอาจบอกว่า วันที่ 16 ต.ค.ผิดปกติ และรุนแรงหรือไม่ แตในสายตาหลายประเทศคิดว่าไม่ใช่ เพราะในบ้านเขามันไปยิ่งกว่านั้นเยอะแยะ / ดังนั้น เขาก็รับรู้เรื่องนี้อยู่"
ขณะที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ชี้แจงกรณีฝ่ายค้านโจมตีการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า ขอให้สมาชิกเข้าใจว่ายอดผู้ติดเชื้อและยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ควบคุมด้วยดี การดำเนินการแก้ไขและฟื้นฟู ที่ผ่านมาได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลาที่ผ่อนคลายจนกระทั่งทุกคนมีวิถีชีวิตเกือบจะปกติดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น
มั่นใจว่าต่างประเทศจับตามองประเทศไทยด้วยความชื่นชม ซึ่ง IMF ประเมินเศรษฐกิจของไทยเป็นประเทศเดียวที่ได้รับการปรับอัตราการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจได้ดีกว่าประเทศอื่น ผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง และโครงการช้อปดีมีคืน แม้ไทยจะมี GDP ติดลบแต่ไม่ใช่ประเทศที่แย่ที่สุดในอาเซียน
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าการชุมนุมเรียกร้องทำให้ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจบางตัวอ่อนค่าลง แต่มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหา โดยการพูดคุย หารือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้ผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ ยืนยันรัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่เพื่อให้เยาวชนเข้าใจและหันมาเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปด้วยกัน เพื่ออนาคตของน้องๆ ทุกคน