ทางการเมียนมาร์ออกแถลงการณ์ขอความร่วมมือจากอียู ให้ช่วยหยุดออกรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมาร์ พร้อมย้ำว่า ขณะนี้กำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
เว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมาร์ ออกแถลงการณ์ระบุ ขอความร่วมมือจากสหภาพยุโรป หรืออียู หยุดเสนอรายงานด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมาร์ พร้อมกับยืนยันว่า ขณะนี้ เมียนมาร์กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตย และรัฐบาลก็กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ ที่จะเอาชนะอุปสรรคและความท้าทายต่างๆไปให้ได้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดตั้งคณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขึ้น เพื่อดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของประเทศ ในความพยายามปกป้องสิทธิมนุษยชนของประชาชนทุกคน แต่ประชาคมระหว่างประเทศ กลับมองไม่เห็นความคืบหน้าดังกล่่าว
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทูตพิเศษสหประชาชาติประจำเมียนมาร์ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวล เกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมาร์ ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจับกุมผู้สื่อข่าว ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล รวมถึงกระบวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนคนกลุ่มน้อยของประเทศ เช่น ชาวมุสลิมเชื้อสายโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นการละเมิดที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ และมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยรายงานดังกล่าวจะถูกส่งเข้าสู่ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ภายในสัปดาห์หน้า
หลายฝ่ายคาดว่า ที่ประชุมใหญ่ยูเอ็น จะให้ความสำคัญกับกระบวนการเรื่องการพัฒนาประชาธิปไตยในเมียนมาร์ ว่ามีความคืบหน้าไปมากน้อยเพียงใด รวมถึงสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน ที่ดูเหมือนว่าจะถอยหลังลงคลอง มากกว่าก้าวไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ทางการเมียนมาร์มองว่า หากประชาคมระหว่างประเทศ เห็นพัฒนาการด้านการปกป้องสิทธิมนุษยชนในเมียนมาร์ และตระหนักว่าเมียนมาร์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ รัฐบาลก็ได้รับการสนับสนุนมากกว่านี้ และนักลงทุนก็จะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น อีกทัั้ง มาตรการคว่ำบาตรทั้งหลาย ที่เคยบังคับใช้จากโลกตะวันตกก็จะผ่อนคลายลง
ขณะที่ บรรดานักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่า รายงานด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมาร์ที่ถูกเผยแพร่ออกไปนั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่รัฐบาลกลับหวาดกลัว ว่าจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจ