ไม่พบผลการค้นหา
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ วอนรัฐเร่งทำงาน หลังหมออาสาเผชิญความล่าช้า พ้อคนตายเพิ่มทุกวัน

นพ.อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา หรือ “หมอแอร์” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “จากหมออาสา ทำ Home isolation คนนึง” ปัญหา ที่ยังแก้ไม่ได้ คนไข้อีกจำนวนมาก ยังไม่ได้รับยา Home isolation แต่ยาไปไม่ถึงทัน รัฐใช้การ Home isolation เข้ามาแก้ไข ระบบ เตียง ที่ไม่พอ แต่เรายังทำได้ไม่ดีพอ ที่จะให้คนไข้ได้รับยาได้ทัน

เราเฝ้าติดตามอาการคนไข้ หลายคนดีขึ้น หลายคนหาย แต่มีอีกหลายคน จากสีเขียว เป็นสีเหลือง และเป็นสีแดงและเสียชีวิต “ทุกคนอยากได้ยาเร็ว หมอก็อยากให้ยาถึงเร็ว แต่มันไปไม่ถึง เพราะระบบ เพราะกำลังพล เพราะปริมาณคนไข้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เราส่งยาให้ถึงได้ไม่ทัน” เฉพาะพริบตาคลินิค คนไข้เข้าระบบ 2 หมื่น คน หมอ ประมาณ 1 พันคน ช่วยกัน call จน ด้วยประมาณคนไข้ กับระบบ ที่ใหม่ ทำให้ปริมาณยาค้างที่ต้องส่งเยอะ จนทำให้ พริบตาคลินิค ต้องลดปริมาณคนไข้เข้าระบบ ลงแต่ เคสผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน แล้ว เคสใหม่เหล่านั้น จะไปลงที่ไหน


ระบบ Home isolation ยังไม่ตอบโจทย์

ทุกอย่างกลายเป็นระบบจิตอาสา แม้แต่ Rider ยังต้องควักเงินออกค่าน้ำมันเอง ไม่มีเงินใดๆมาสนับสนุน “ผมบอกได้เลยว่า ถ้าปริมาณคนไข้ติดเชื้อใหม่ ยังสูงขนาดนี้ เราไม่มีทางใช้ ระบบ Home isolation กระจายให้ยาได้ทันท่วงทีแน่ คนไข้จะเสียชีวิตอีกเยอะมาก เพราะยาไปช้า” ยาเรามีเยอะมาก แต่ไม่ได้เอาออกมาใช้ เพราะให้ไม่ทัน ระบบการกระจายยาของรัฐทำช้าไป เข้าถึงยาก และมีช่องทางน้อย ทำงานแล้วมันอึดอัด ที่เรายังไปได้ไม่สุด ช่วยคนไข้ได้ไม่มากพอ ที่เราต้องการ

ทางที่จะทำให้ ลดการตายได้มากที่สุด ต้องเปิดศูนย์รับยา หลายๆเขต ให้ ญาติคนไข้ สามารถรับยาแทนได้ ให้ผู้ป่วยได้รับยาและกินที่บ้าน และจัดระบบคิวการรับดีๆ ไม่ให้โกลาหล และประชาสัมพันธ์ให้ทราบ ส่วนเคสที่ ไม่มีญาติ ต้องกักตัว ใช้การ โทร call แบบที่พริบตาคลินิคทำ แล้วจัดระบบ ระดมกำลัง ให้ส่งยาได้ เกินวันละ 1000 เคสให้ได้

“ทุกนาที ทุก ชม. ที่คนไข้ไม่ได้ยา เราจะมีคนเสียชีวิตมากขึ้น อยากให้คิดว่า ทุกนาทีที่เสียไป ที่คนไข้สีเหลืองไม่ได้ยาถึงจุดนึง จะย้อนกลับไม่ได้ เป็นจุดที่น่าเข้าไปสะกัดไม่ให้เคสแดง ล้น รพ. มากที่สุด ถ้าขยับช้า แบบนี้ เราจะมีคนเสียชีวิตสูงขึ้นทุกวัน มีคนเสียชีวิตคาบ้านอีกมากมาย ฝากผู้มีอำนาจในการสั่งการ ต้องขยับอย่างเร็วแล้วครับ”