จากรายงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่า รัสเซียมีการเตรียมกำลังพลกว่า 175,000 กองร้อย รวมถึงกลุ่มกองพันยุทธวิธีติดชุดเกราะ ปืนใหญ่ และอุปกรณ์ทางการทหารกว่าอีกนับร้อยกอง เพื่อเตรียมการทำปฏิบัติการทางการทหารต่อยูเครน โดยกองกำลังกว่าครึ่งของรัสเซียได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายแดนยูเครนแล้ว
ความตึงเครียดในระลอกนี้เกิดขึ้น หลังจากที่รัสเซียพยายามเรียกร้องให้ ไบเดน รับประกันว่า ยูเครนจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของชาติพันธมิตรตะวันตกในด้านการเมืองและการทหาร เพื่อต่อต้านและคานอำนาจกับรัสเซีย
“เราได้ติดตามการกระทำของรัสเซียมาอย่างยาวนาน และความคาดหวังของผมคือการที่เราจะได้พูดคุยกันยาวๆ กับปูติน” ไบเดน ระบุกับสื่อมวลชนในช่วงเย็นวันศุกร์ (3 ธันวาคม) ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนี้ หากรัสเซียตัดสินใจบุกยูเครนจริง การปฏิบัติการทางการทหารในครั้งนี้ อาจส่งผลเสียหายต่อระบบการเมืองระหว่างประเทศ และความมั่นคงในภูมิภาคยุโรปเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ดี จากการประเมินของหน่วยงานรัฐของสหรัฐฯ ตลอดจนอดีตนักการทูตของสหรัฐฯ ระบุว่า กองกำลังยูเครนมีพัฒนาการที่เพิ่มมากขึ้น และมีความพร้อมต่อการตอบรับหากมีการบุกรุกจากทางรัสเซีย รวมถึงการคว่ำบาตรต่อรัสเซียของชาติพันธมิตรตะวันตก หากเกิดการบุกรุกยูเครนจริง อาจทำให้ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียต้องชั่งใจในการดำเนินนโยบายทางด้านการทหารมากยิ่งขึ้น
ในทางตรงกันข้าม ดิมิทรี เปสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียระบุว่า ข่าวกรองของสหรัฐฯ ถึงการที่รัสเซียกำลังเตรียมการเพื่อบุกยูเครนนั้น “เป็นความพยายามที่ว่างเปล่าและไร้เหตุผล เพื่อการก่อให้เกิดความตึงเครียดขึ้น” ในขณะที่ยูเครนเองคาดการณ์ว่า รัสเซียอาจจะบุกประเทศของพวกเขาภายในระยะเวลาไม่นานนี้เช่นกัน
นอกจากนี้แล้ว หน่วยงานของสหรัฐฯ ยังรายงานอีกว่า รัสเซียพยายามสร้างโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ก่อนเกิดการเคลื่อนกำลังพลประชิดชายแดนยูเครนมาแล้ว ด้วยการกล่าวโจมตียูเครน และชาติพันธมิตรตะวันตกอย่าง NATO ในฐานะผู้มีส่วนที่ทำให้รัสเซียต้องระดมกำลังพลเพิ่มบริเวณชายแดนยูเครน
ความตึงเครียดบริเวณชายแดนยูเครนกับรัสเซียยังคงทวีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางการกดดันของรัสเซียต่อสหรัฐฯ เพื่อต่อต้านไม่ให้ยูเครนเข้าร่วม NATO อันอาจจะส่งผลต่อดุลอำนาจของรัสเซีย ที่มีต่อชาติตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณพื้นที่ของยูเครน ซึ่งเปรียบเสมือนกำแพงกั้นระหว่างรัสเซียกับชาติสมาชิก NATO ในยุโรป
ที่มา: