ไม่พบผลการค้นหา
ผู้ต้องขังคดีชุมนุมสนามหลวง ทยอยแถลงต่อศาล กรณีไต่สวนขอปล่อยตัวชั่วคราว 'แอมมี่' น้อมรับทุกเงื่อนไขศาล

ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบูลส์ จำเลยที่ 17 คดีชุมนุมคณะราษฎร 2563 ปักหมุดสนามหลวง แถลงต่อศาลในนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวว่า 

ตนเองมีหน้าที่เหมือนพ่อและแม่ทั่วไป ที่จะต้องดูแลส่งเสียลูกสาว และก่อนถูกส่งตัวเข้าเรือนจำก็ได้พาลูกสาวไปเรียนว่ายน้ำ เพราะลูกสาวสอบตกวิชาว่ายน้ำคนเดียวในชั้นเรียน จึงรู้สึกห่วงใยลูกสาวมากที่สุด แม้จะออกมาต่อสู้ทางการเมืองก็ตาม 

แอมมี่ ยังแถลงต่อศาลอีกว่า ก่อนเข้าเรือนจำตนเองมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับกระจกตา การรับแสงน้อยลงทุกวัน การรักษาต้องผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาเท่านั้น ซึ่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง และเมื่อเข้าเรือนจำยังมีอาการความดันโลหิตสูงด้วย ยืนยันที่ผ่านมาไม่เคยหลบหนี ส่วนการเดินทางไปจังหวัดพระนครศรียุธยา เนื่องจากไปพักผ่อน แต่งเพลง และทำธุรกิจ โดยจะเดินทางไปเฉลี่ยเดือนละ 2-3 ครั้ง ขณะที่ถูกจับก็เดินทางไปพักผ่อนไม่ได้หลบหนี 

และหากตนเองได้รับการปล่อยชั่วคราวก็ยินดีรับทุกเงื่อนไขที่ศาลกำหนด เช่น การไม่พูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ออกนอกประเทศ ไม่ร่วมชุมนุมที่ก่อให้เกิดการยั่วยุหรือก่อให้เกิดความรุนแรงและจะมารายงานตัวที่ศาลทุกนัด ส่วนการใส่กำไลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EM ก็รู้สึกยินดีหากศาลกำหนดเงื่อนไขดังกล่าว แต่ส่วนตัวก็ยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องสัญญาณที่จะส่งผลต่อการทัวร์คอนเสิร์ตที่จะต้องเดินทางข้ามจังหวัด


พ่อ-แม่รับปากดูแลให้แอมมี่ ปฏิบัติตามคำสัญญา

บิดาของแอมมี่ได้กล่าวต่อศาลว่า ที่ผ่านมา ตั้งแต่เด็กแอมมี่มีจิตใจดี รักเพื่อนฝูง มีความประพฤติดีมาเสมอและไม่เคยได้รับการตัดสินโทษทางคดีอาญา ปัจจุบันแอมมี่มีส่วนในการดูแลค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว สำหรับการเลี้ยงดูบุตรสาว มีการเอาใจใส่อย่างดี ในทุกสัปดาห์ แอมมี่ จะพาบุตรสาวมาพักที่บ้านของตน ตลอด ทั้งนี้หากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ตนยืนยันว่าจะใช้อำนาจในการเป็นพ่อ ดูแลให้แอมมี่ปฏิบัติตามคำสัญญาที่ให้ต่อศาลไว้ได้ 

ด้านมารดา กล่าวว่า แอมมี่มีอุปนิสัยร่าเริง รักเพื่อนฝูง ที่ผ่านมาทราบเรื่องธุรกิจที่แอมมี่ทำกับเพื่อน ที่เคยเรียนด้วยกันที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ประกอบธุรกิจ ที่จังหวัดอยุธยาเป็นที่พักกับร้านอาหารกึ่งผับ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา แอมมี่เดินทางไปกลับเป็นปกติ ทั้งนี้หากศาลมีคำสั่งปล่อยตัว จะดูแล ให้ บุตรชายปฏิบัติตาม คำสั่งของศาลอย่างดี


เพนกวิน แถลงต่อศาลรับ 4 เงื่อนไข หากได้ปล่อยชั่วคราว

พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แถลงต่อศาลในนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ว่าปัจจุบันตนเองอายุ 22 ปี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่ผ่านมามีประวัติด้านการศึกษาได้รับโอกาสไปแข่งขันได้รางวัลถ้วยพระราชทาน ประกอบด้วยรางวัลเพชรยอดมงกุฏ ด้านประวัติศาสตร์ และรางวัลชนะเลิศตอบปัญหารัฐศาสตร์ ที่จัดขึ้นโดยคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกมาก่อน ซึ่งก่อนถูกคุมขังตนเองก็พักอาศัยอยู่กับพ่อแม่ โดยมีพ่อแม่เป็นผู้อบรม ดูแล เลี้ยงดู ให้การศึกษา โดยในวันนี้หากศาลกำหนดเงื่อนไขเช่นเดียวกับ ไผ่ ดาวดิน และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยในคดีเดียวกันที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวไปก่อนหน้านี้ก็ยินดีรับเงื่อนไข 

เพนกวิน ยังแถลงต่อศาลอีกว่าที่ผ่านมาตนเองไม่เคยกระทำการใดที่เป็นการเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และยินดีรับเงื่อนไข จะไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นการเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล จะเดินทางมาศาลทุกนัด และได้แต่งตั้งทนายความในคดีแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ทนายความจำเลยได้สอบถามจำเลยเกี่ยวกับการยอมรับเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวว่าจะยอมรับเงื่อนไขไม่เข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองด้วยหรือไม่ เพนกวิน ได้มีการขอซักถามและหารือกับทนายความประมาณ 5 นาที 


ยืนยันเข้าร่วมกิจกรรมที่สงบไม่มุ่งความรุนแรง

ศาลจึงระบุว่าการชุมนุมเรียกร้องตามสิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญสามารถกระทำได้อยู่แล้ว เพนกวินจึงแถลงยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ชุมนุมอย่างสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ และจะเข้าร่วมเฉพาะกิจกรรมที่สงบสันติ จะไม่ไปเข้าร่วมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง 

จากนั้นทนายความได้สอบถามเพนกวินเกี่ยวกับโรคประจำตัว เพนกวิน แถลงว่าตนเองมีโรคหอบหืดเป็นโรคประจำตัว และหากไม่ได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางอย่างถูกต้อง อาจเกิดอันตรายต่อชีวิต 

ตนเองรู้จักกับผู้ช่วยศาสตราจารย์อดิศร จันทรสุข รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หากศาลกำหนดเงื่อนไขนอกจากให้พ่อแม่ โดยให้มีอาจารย์อดิศร กำชับดูแลให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลก็ยินดี ส่วนการติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ EM ส่วนตัวรู้สึกว่าอาจจะกระทบต่อการไปเรียนหนังสือ แต่หากศาลกำหนดเงื่อนไขนี้ด้วยก็ยินดี

นอกจากนี้อัยการโจทก์ ได้ถามค้านเพนกวิน เกี่ยวกับเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวว่ารวมถึงการกระทำใด ๆ ในพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ที่เพนกวินดูแลด้วยหรือไม่ทเพนกวินตอบอัยการโจทก์ว่า ตนเองไม่เคยใช้สื่อออนไลน์สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัวเพนกวินขึ้นมาที่ห้องพิจารณาโดยใช้รถเข็น ซึ่งเพนกวินสวมเสื้อผู้ต้องขังสีน้ำตาลเข้ม ไม่มีสายน้ำเกลือ และสามารถแถลงต่อศาลได้ด้วยน้ำเสียงปกติ 

จากนั้นแม่ของเพนกวินได้แถลงต่อศาลในฐานะพยาน ว่าตนเองมีลูก 2 คน เพนกวิน เป็นลูกชายคนโต ที่ผ่านมาพักอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ ซึ่งเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดู ส่วนประวัติการศึกษา เพนกวิน เป็นเด็กเรียนดีได้ทุนเรียนดีมาโดยตลอดตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มีนิสัยใจดี มีน้ำใจ ไปแข่งขันสร้างชื่อเสียงให้กับสถาบันการศึกษามาโดยตลอด และถ้าไม่ถูกควบคุมตัวเชื่อว่าปีนี้ เพนกวิน จะเรียนจบระดับปริญญาตรี และได้รับเกียรตินิยมด้วย

จึงได้ยื่นเหตุผลเรื่องการศึกษาในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้ลูกชายได้กลับไปเรียนหนังสือและก่อนหน้านี้ เพนกวิน ก็ไม่เคยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุดมาก่อน หากได้รับการปล่อยชั่าวคราวไป ในฐานะแม่เชื่อว่าจะควบคุมดูแลเพนกวิน ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลได้


รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษายินดีช่วยศาลกำชับดูแลเพนกวิน

ด้านพ่อของเพนกวิน ก็ได้แถลงต่อศาลในฐานะพยาน ในทำนองเดียวกันว่าที่ผ่านมาพ่อและแม่เป็นผู้อบรมพฤติกรรมของเพนกวิน หากศาลมีเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ ก็ขอยืนยันต่อศาลว่าตนเองจะกำชับให้ลูกชายปฏิบัติบัติตามเงื่อนไขทั้งหมด

ขณะที่ผศ.ดร.อดิศร จันทรสุข รองอธิการบดี ฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แถลงความต่อศาลว่า ตนเองมีหน้าที่ดูความประพฤติ ระเบียบวินัย และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของนักศึกษา ที่ผ่านมาเพนกวิน มีผลการเรียนที่ดีมาก ไม่เคยได้รับการลงโทษใด ๆ อยู่ในเกณฑ์ความประพฤติดี 

ปัจจุบันเพนกวินได้พักการเรียนไว้ หากได้รับการปล่อยชั่วคราวก็สามารถกลับไปเรียนได้ ส่วนเงื่อนไขที่เพนกวินแถลงต่อศาลก็เชื่อว่าเพนกวินจะปฏิบัติตามได้ และยินดีที่จะช่วยศาลกำชับดูแลเพนกวิน นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ต้องขังทั้งในเรือนจำ และระหว่างเดินทางมาศาล ได้แถลงต่อศาลว่าระหว่างที่เพนกวินอยู่ในเรือนจำ หรือเดินทางมาศาล เพนกวินก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ไม่ได้ฝ่าฝืนระเบียบ และมีความประพฤติเรียบร้อยดี