ไม่พบผลการค้นหา
ศาลให้ประกันบาส มงคล ถิระโคตร หลังถูกควบคุมตัวตามหมายจับคดี 112 และ พ.ร.บ.คอมฯ จากการแชร์ และโพสต์ข้อความที่เกี่ยวกับสถาบัน 25 ครั้ง โดยศาลวางเงื่อนไขว่าห้ามก่อความผิดอาญาหรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น มิเช่นนั้นอาจเพิกถอนสิทธิประกันตัว

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม มงคล ถิระโคตร หรือ “บาส” พ่อค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์และนักกิจกรรมจากจังหวัดเชียงราย ระหว่างอดอาหารที่หน้าศาลอาญาเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำราษฎรที่ถูกคุมขัง ตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงราย ในข้อหามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ก่อนนำตัวเขาเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองเชียงราย

มงคลถูกกล่าวหาจากการแชร์และโพสต์ข้อความ รวมทั้งคลิปเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ในเฟซบุ๊กจำนวน 25 โพสต์ ในช่วงระหว่างวันที่ 2-11 มี.ค.2564 โดยพนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นตำรวจ และจะนำตัวไปขอฝากขังต่อศาล

เวลาประมาณ 9.30 น. พ.ต.ท.ภาสกร สุขะ รองผู้กำกับสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย ได้นำตัวมงคลไปยังศาลจังหวัดเชียงราย โดยยื่นคำร้องระบุความจำเป็นในการฝากขังว่ากระบวนการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 6 ปาก และรอผลการตรวจประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขออนุญาตฝากขังเป็นระยะเวลา 12 วัน

ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนยังคัดค้านการประกันตัว โดยระบุว่าคดีนี้มีอัตราโทษสูง ผู้ต้องหากระทำความผิดหลายกรรม และผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรืออาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน

ขณะทนายความได้ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขัง โดยยืนยันว่าคดีนี้พนักงานสอบสวนไม่มีเหตุหรือความจำเป็นที่จะต้องควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ เนื่องจากไม่ได้มีพฤติการณ์จะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือจะก่อเหตุภยันตรายประการอื่น โดยพยานบุคคลที่พนักงานสอบสวนอ้างว่ายังสอบสวนไม่เสร็จ ผู้ต้องหาก็ไม่ทราบว่าคือผู้ใด การตรวจสอบประวัติการต้องโทษก็เป็นขั้นตอนการดำเนินการภายในของเจ้าหน้าที่ ผู้ต้องหาจึงไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานใดๆ ได้ การปล่อยตัวผู้ต้องหาจึงไม่เป็นอุปสรรค และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวน

ทั้งนี้ เมื่อมงคลถูกพาตัวมายังศาล เจ้าหน้าที่ไม่ได้นำตัวเขาลงจากรถควบคุมผู้ต้องขังของทางตำรวจ แต่ให้นั่งรออยู่ภายในรถตลอด โดยศาลชี้แจงว่าเป็นมาตรการในช่วงสถานการณ์โควิด ตามมีข้อกำหนดเรื่องลดการพิจารณาในห้องพิจารณา และเป็นเช่นนี้เหมือนกันในทุกๆ คดี ไม่ใช่การปฏิบัติต่อคดีใดคดีหนึ่งโดยเฉพาะ

ต่อมา ศาลได้ให้ไต่สวนการฝากขังผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยให้ผู้ต้องหาอยู่บนรถควบคุม และวิดีโอคอลผ่านโทรศัพท์มือถือของพนักงานสอบสวน พร้อมให้ทนายและพนักงานสอบสวนยืนสอบถามด้านข้างรถควบคุม

คู่ความทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันประเด็นตามคำร้องที่ยื่นต่อศาล และผู้ต้องหายืนยันว่าไม่ทราบว่าพยานที่ตำรวจจะสอบเพิ่มเติมคือใคร จึงไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวได้ และพนักงานสอบสวนก็รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องฝากขังผู้ต้องหาไว้ จากนั้นศาลได้ให้รอฟังคำสั่งในช่วงบ่ายต่อไป

จนเวลา 14.39 น. ศาลจังหวัดเชียงรายมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหา โดยเห็นว่าพฤติการณ์ในคดีน่าเชื่อว่ามีความร้ายแรง คดีมีอัตราโทษสูง พนักงานสอบสวนมีอำนาจในการขอฝากขัง คำร้องคัดค้านยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้เพียงพอ อนุญาตให้ฝากขัง

ต่อมาทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาต่อศาล โดยยื่นหลักทรัพย์ 150,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ เป็นหลักประกัน

เวลา 15.55 น. ศาลจังหวัดเชียงรายมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา โดยให้วางหลักประกันเป็นเงิน 150,000 บาท

ศาลได้กำชับผู้ต้องหาและนายประกันผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ว่าเมื่อได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว ให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยเคร่งครัด ห้ามจำเลยไปกระทำความผิดอาญาหรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น มิฉะนั้นศาลอาจพิจารณาให้เพิกถอนการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้