วันที่ 24 ต.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวตอกย้ำสิ่งที่พี่โทนี่ (Tony Woodsome หรือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ที่พูดผ่านคลับเฮ้าส์เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2564 ในหัวข้อ "ปั้นข้าวเหนียวเคี่ยวความคิด : พรุ่งนี้เพื่อชีวิตคนอีสาน" ยิ่งชี้ชัดให้เห็นว่า หากไม่มีการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 ชีวิตและโอกาสความเป็นอยู่ของคนอีสานคงทะยานไปไกลโขกว่าที่เป็นอยู่
ตรีชฎายกตัวอย่างกรณีเรื่องสำคัญที่อดีตนายกรัฐมนตรีพูดถึงประเด็นที่พูดถึงแล้วมีคนเข้าใจผิดและด้อยค่า 'คนอีสาน' ว่าไม่มีศักยภาพ จนเพราะขี้เกียจ จนเพราะโง่ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะคนไม่เข้าใจปัญหาความยากจนอย่างแท้จริง ทั้งหมดเกิดจากปัญหาที่ดินทำกิน การศึกษา และการเข้าถึงเงินทุน วิธีแก้ปัญหารัฐบาลต้องมีหลักคิด ด้วยการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาสจึงจะแก้ปัญหาได้
"แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ กลับใช้วิธีแจกเงิน พอแจกแล้วคนใช้หมดก็จบการแก้ปัญหา แต่ชีวิตประชาชนต้องเผชิญความลำบากต่อ เหมือนการปล่อยประชาชนนั่งรถแล้วปล่อยทิ้งไว้กลางทาง" ตรีชฎากล่าว
ตรีชฎาอีกว่าสมัยก่อนแรงงานต่างจังหวัดก็เข้ากรุงเทพหางานทำ อดีตนายกรัฐมนตรีคิดทำกองทุนหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านกู้เป็นทุนทำ OTOP ถ้าอดีตนายกฯ ไม่ถูกปฏิวัติได้ทำงานต่อชีวิตคนต่างจังหวัดก็จะเริ่มดีขึ้นๆ เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้น สินค้า OTOP พุ่งเงินหมุนเวียนในชนบท
"แต่วันนี้ทุกอย่างร้างกลับไปสู่วังวนเดิม แทนที่ประชาชนคนอีสานจะได้ลืมตาอ้าปากด้วยตัวเองกลับถูกกดทับด้วยคำที่เจ็บปวด ว่า โง่ จน เจ็บ เสียดายโอกาสประเทศไทยถ้าพี่โทนี่ ยังอยู่ศักยภาพของคนอีสานต้องสามารถสร้างลิซ่า ได้อีกหลายคน สร้างนักพัฒนาเกมส์สร้าง HUB รถไฟความเร็วสูง สร้างรายได้ให้คนไทยแบบก้าวกระโดด ไม่ปล่อยให้คนอีสานและคนไทยอีกเป็นจำนวนมากต้องมาลำบากเผชิญเวรเผชิญกรรมเช่นทุกวันนี้" ตรีชฎากล่าว
ตรีชฎากล่าวอีกว่ายิ่งปรากฎการณ์สิบล้อหมดความอดทนเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาล ตรึงราคาน้ำมัน ดีเซล ที่ลิตร ละ 25 บาทต่อลิตร ลดภาษีสรรพสามิตลง 5 บาท ต่อลิตร ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนพลังงาน เป็นระยะเวลา 1 ปี นั่นหมายสัญญาณภัยขนานใหญ่ต่อเศรษฐกิจไทย
"สวนทางกับสิ่งที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่ออกมาบอกว่า เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น" ตรีชฎากล่าว
คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าวทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยคงอยู่ในภาวะเศรษฐกิจขาขึ้นตามที่คนในรัฐบาลว่า มีทั้งราคาน้ำมันขึ้นไม่หยุด ต่อดัวยราคาแก๊สก็ขึ้น สินค้าอุปโภคบริโภคพากันขึ้นราคาไม่เกรงใจประชาชนเลย แต่ที่พรรครัฐบาลหาเสียงไว้ ค่าแรงขั้นต่ำขึ้น 400-425 บาทเงินเดือนปริญญาตรีจะขึ้น 20,000 บาทกลับไม่มีวี่แววจะขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้นสำหรับคนในรัฐบาล แต่ลำบากสำหรับคนไทย
"พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ได้แนะนำการแก้ปัญหาน้ำมันแพงว่า รัฐบาลต้องรีบคืนเงินจำนวน 20,087.42 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยที่โอนจากกองทุนน้ำมัน เข้าไปเป็นรายได้ของรัฐคืนให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อนำไปใช้ในการแทรกแซงราคาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ก่อนจะสาย เพราะถ้าแก้ไม่ทันคงไม่ใช่เพียงแค่รถสิบล้อ จะมีทั้งรถรับจ้าง เรือประมง และอีกหลายอาชีพที่ได้รับผลกระทบออกมาเต็มถนนแน่ การประชุมใหญ่สามัญประจำปีที่จังหวัดขอนแก่น จะทำให้ประชาชนเทคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องให้กลับมาอยู่ดีกินดีเหมือน 15 ปีก่อน” ตรีชฎากล่าว